แจก 14 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ (ครบทุกอย่าง เปิดร้านได้เลย)
แจก 14 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ (ครบทุกอย่าง เปิดร้านได้เลย)
ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำและค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายคนเริ่มที่จะมองหาธุรกิจเล็กๆ เป็นรายได้เสริม เพื่อช่วยผ่อนเบาภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งในประเทศที่สภาพอากาศร้อนระอุอย่างไทยนี้ การขายน้ำดื่มหรือเมนูเครื่องดื่มชงบรรจุขวดเย็นๆ ก็นับได้ว่าตอบโจทย์ไม่น้อย
และวันนี้เราก็มี 14 สูตรเครื่องดื่มชง มาฝากเพื่อนๆ ชาวเว็บกัน โดยเป็นสูตรของคุณ สมาชิกหมายเลข 1763639 เหมาะสำหรับบรรจุใส่ขวดแช่เย็นขาย รับรองว่าโดนใจชาวออฟฟิศที่ทานอาหารเที่ยงและต้องการเครื่องดื่มเย็นๆ มาล้างปาก สามารถใช้ประกอบอาชีพเสริมหรือจะต่อยอดเป็นธุรกิจหลักก็ยังได้ เอาเป็นว่าไม่รอช้า ลองมาดูกันครับว่ามีสูตรอะไรที่น่าสนใจบ้าง
สูตรที่ 1 กาแฟเย็น
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตรใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทผงกาแฟตรามังกร กะประมาณครึ่งถุง (200 กรัม) ลงในถุงชงชาแล้วนำลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. เทผงกาแฟปรุงสำเร็จ (เนสกาแฟ) ลงไปในหม้อครึ่งถุงหรือประมาณ 100 กรัม แล้วคนให้เข้ากันกับน้ำกาแฟดำ
4. นำถุงชงชาออกแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 1.5 กก. แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
5. ใส่ครีมเทียมข้นหวานและครีมเทียมพร่องมันเนยอย่างละ 1 กระป๋องแล้วคนจนละลายให้เข้ากัน
6. รอจนน้ำเริ่มเดือดแล้วใส่ครีมเทียมชนิดผง (คอฟฟี่เมท) ลงไป 500 กรัม หรือครึ่งถุง แล้วคนให้ละลายเข้ากันอย่าให้เป็นก้อน
7. เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ช้อนฟองทั้งหมดทิ้งก่อนจะยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
(ปล. ฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำถ้าไม่ช้อนทิ้งจะทำให้น้ำบูดเร็วขึ้นครับ)
สูตรที่ 2 ชานมเย็น
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทผงชาดำตรามือกะประมาณ 1/3 ของถุงลงในถุงชงชา แล้วนำลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. นำถุงชงชาออกแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 1.5 กก. แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
4. ใส่ครีมเทียมข้นหวานและครีมเทียมพร่องมันเนยอย่างละ 1 กระป๋องแล้วคนจนละลายให้เข้ากัน
5. รอจนน้ำเริ่มเดือดแล้วใส่ครีมเทียมชนิดผง (คอฟฟี่เมท) ลงไป 500 กรัม หรือครึ่งถุงแล้วคนให้ละลายเข้ากันอย่าให้เป็นก้อน
6. เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ช้อนฟองทั้งหมดทิ้งก่อนจะยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
(ปล. ฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำถ้าไม่ช้อนทิ้งจะทำให้น้ำบูดเร็วขึ้นครับ)
สูตรที่ 3 ชาเขียวนม
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทผงชาเขียวตรามือ กะประมาณ 3/4 ของถุง ลงในถุงชงชาแล้วนำลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. นำถุงชงชาออกแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 1.5 กก. แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
4. ใส่ครีมเทียมข้นหวานและครีมเทียมพร่องมันเนยอย่างละ 1 กระป๋องแล้วคนจนละลายให้เข้ากัน
5. รอจนน้ำเริ่มเดือดแล้วใส่ครีมเทียมชนิดผง (คอฟฟี่เมท) ลงไป 500 กรัม หรือครึ่งถุง แล้วคนให้ละลายเข้ากันอย่าให้เป็นก้อน
6. เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ช้อนฟองทั้งหมดทิ้งก่อนจะยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
(ปล. ฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำถ้าไม่ช้อนทิ้งจะทำให้น้ำบูดเร็วขึ้นครับ)
สูตรที่ 4 นมเย็น
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทน้ำหวานเฮลล์บลูบอย1ขวดลงในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. นำถุงชงชาออกแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 1.5 กก. แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
4. ใส่ครีมเทียมข้นหวานและครีมเทียมพร่องมันเนยอย่างละ 1 กระป๋องแล้วคนจนละลายให้เข้ากัน
5. รอจนน้ำเริ่มเดือดแล้วใส่ครีมเทียมชนิดผง (คอฟฟี่เมท) ลงไป 500 กรัม หรือครึ่งถุง แล้วคนให้ละลายเข้ากันอย่าให้เป็นก้อน
6. เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ช้อนฟองทั้งหมดทิ้งก่อนจะยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
(ปล. ฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำถ้าไม่ช้อนทิ้งจะทำให้น้ำบูดเร็วขึ้นครับ)
สูตรที่ 5 นมสดเย็น
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทนมวัวสด1ลิตรลงในหม้อน้ำ คนให้เข้ากัน แล้วต้มทิ้งไว้จนน้ำนมเริ่มร้อน
3. นำถุงชงชาออกแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 1.5 กก. แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
4. ใส่ครีมเทียมข้นหวานและครีมเทียมพร่องมันเนยอย่างละ 1 กระป๋องแล้วคนจนละลายให้เข้ากัน
5. รอจนน้ำเริ่มเดือดแล้วใส่ครีมเทียมชนิดผง (คอฟฟี่เมท) ลงไป 500 กรัม หรือครึ่งถุง แล้วคนให้ละลายเข้ากันอย่าให้เป็นก้อน
6. เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ช้อนฟองทั้งหมดทิ้งก่อนจะยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
(ปล. ฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำถ้าไม่ช้อนทิ้งจะทำให้น้ำบูดเร็วขึ้นครับ)
สูตรที่ 6 โอเลี้ยง
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทผงกาแฟตรามังกร 1 ถุง ลงใน ถุงชงชา 2 อัน แบ่งเป็นอันละครึ่งถุง แล้วนำลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. พอน้ำเริ่มเดือดและเริ่มมีคราบจับตามขอบหม้อแล้วให้นำถุงชงทั้งสองอันออก
4. ใส่น้ำตาลทรายแดง 2 กก. แล้วคนให้น้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
5. ปิดฝาหม้อต้มต่ออีกประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
สูตรที่ 7 ชาดำเย็น
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. เทผงชาดำปรุงสำเร็จตรามือครึ่งห่อลงในถุงชงชาแล้วนำลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อน้ำแล้วทิ้งไว้จนน้ำเริ่มร้อน
3. หลังจากน้ำเริ่มร้อนได้ที่ให้นำถุงชงชาออก เพราะถ้าแช่ทิ้งไว้จนน้ำเดือดจะทำให้มีรสเฝื่อนจากใบชา
4. ใส่น้ำตาลทรายแดง 2 กก. แล้วคนให้น้ำตาลละลายเข้ากับน้ำ
5. ปิดฝาหม้อต้มต่ออีกประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
สูตรที่ 8 น้ำเก๊กฮวย
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
3. นำดอกเก๊กฮวยอบแห้งประมาณ 2-3 ขีดและเม็ดเก๊กฮวยประมาณ 2-3 เม็ดมาทุบรวมกัน (เม็ดถ้าใส่เยอะกว่านี้สีจะเข้มเกินไป)
4. นำดอกและเม็ดที่ทุบเสร็จแล้วมาห่อใส่ผ้าขาวแล้วเอาลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อต้มน้ำใช้ไฟแรงด้วยนะครับ
5. พอน้ำเริ่มร้อนและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป 2 กก. ต่อน้ำสะอาด 12 ลิตร แล้วคนให้ละลายเข้ากับน้ำ
6. ปิดฝาหม้อต้มต่อจนเดือดได้ที่แล้วจึงยกลงมาเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
สูตรที่ 9 น้ำกระเจี๊ยบ
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำดอกกระเจี๊ยบ (แบบแห้งหรือสดก็ได้) ประมาณ 3 ขีดใส่ลงไปแช่ทิ้งไว้ในหม้อต้มน้ำไม่ต้องห่อผ้าขาวบางนะครับ
3. ใส่เกลือลงไปในหม้อต้มน้ำประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เพื่อไปช่วยเร่งความเปรี้ยวของดอกกระเจี๊ยบ
4. เมื่อน้ำเริ่มร้อนและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป 2 กก. แล้วคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ
5. ต้มต่อจนน้ำเดือดและคอยชิมดูเรื่อยๆ อย่าให้รสชาติหนักไปทางไหนทางหนึ่ง ให้ตัดเข้ากันครบ3รสคือ เปรี้ยว เค็ม หวาน
6. เมื่อชิมได้รสชาติที่พอใจแล้วให้กรองน้ำกับดอกกระเจี๊ยบแยกออกจากกันก่อนที่จะทำการกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ครับ
สูตรที่ 10 น้ำลำไย
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
3. นำลำไยอบแห้งประมาณ 3 ขีดใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำไม่ต้องห่อผ้านะครับเพราะเดี๋ยวเนื้อลำไยจะไม่ฟู
4. เมื่อน้ำเริ่มเดือดอ่อนๆ และเนื้อลำไยเริ่มฟูจนบานเต็มหม้อแล้ว จึงนำน้ำตาลทรายแดง 2 กก.ใส่ลงไปแล้วคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ
5. ปิดฝาหม้อต้มต่อซัก 10-15 นาที จนน้ำเดือดได้ที่แล้ว จึงกรองแยกเนื้อลำไยกับน้ำลำไยออกจากกันก่อนครับ
6. เวลากรอกลงขวดก็ค่อยๆเฉลี่ยเนื้อใส่แต่ละขวดให้เท่าๆกัน (แนะนำให้ใส่เนื้อลงขวดไปก่อนครับเพราะจะได้เทออกง่าย)
11. น้ำมะตูม
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
3. นำเนื้อมะตูมอบแห้ง 500 กรัม (ถ้าใส่น้อยกว่านี้จะไม่หอมกลิ่นมะตูมครับ) ใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำ
4. เมื่อน้ำร้อนได้ที่จึงนำน้ำตาลทรายแดงใส่ลงไป 2 กก. แล้วคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ
5. ปิดฝาหม้อต้มต่อซัก 10-15 นาที จนน้ำเดือดได้ที่แล้วจึงกรองแยกเนื้อมะตูมกับน้ำออกจากกันก่อนกรอกลงขวดครับ
12. น้ำเฉาก๊วย
1. เตรียมหั่นเนื้อเฉาก๊วย 2 กก. (หั่นแบบเส้นหรือแบบก้อนก็ได้)
2. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
3. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
4. เมื่อน้ำเริ่มร้อนจึงใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป 2 กก. แล้วคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ (ทำเหมือนการทำน้ำเชื่อม)
5. ปิดฝาต้มต่อจนเดือดได้ที่แล้วยกลงเตรียมกรอกลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้ แนะนำให้กรอกเนื้อเฉาก๊วยลงไปก่อนครับ
สูตรที่ 13 น้ำมะพร้าว
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
3. ระหว่างรอน้ำเดือดก็เตรียมเฉาะกับคว้านเนื้อมะพร้าวรอได้เลยครับ ใช้ประมาณ 5 ลูก เพื่อเอากลิ่นน้ำมะพร้าวเท่านั้น
(เนื้อที่คว้านออกมาให้มาลอกคราบกะลาที่ติดออกมาด้วย เพราะถ้าเอาไปต้มจะทำให้น้ำเปลี่ยนสีขุ่นและไม่ใสน่ากิน)
4. เมื่อได้เนื้อกับน้ำมะพร้าวแล้วให้นำน้ำอุ่นประมาณ1ขวดน้ำใส (ประมาณครึ่งลิตร) ใส่รวมลงไปกับน้ำและเนื้อมะพร้าว
5. ใส่ถุงมือแล้วขยำและบีบเค้นเนื้อและน้ำเพื่อให้น้ำ สีและกลิ่นมะพร้าวออกมาเยอะๆจากนั้นก็นำไปเทรวมกับน้ำในหม้อต้ม
6. ใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป 1.5-2 กก. (ถ้าใช้วุ้นมะพร้าวให้ใส่น้ำตาลแค่ 1.5 กก. อครับ) แล้วคนให้น้ำตาลละลายเข้ากันกับน้ำ (สามารถใช้วุ้นมะพร้าวสำเร็จรูปมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วกรอกรวมกันกับเนื้อมะพร้าวลงไปในขวด)
7. กรอกวุ้นและเนื้อมะพร้าวลงขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้แล้วจึงตามด้วยการกรอกน้ำลงไปทีหลังครับ
สูตรที่ 14 น้ำใบเตย
1. นำน้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตร ใส่หม้อขึ้นตั้งไฟที่ค่อนข้างแรง (แนะนำให้ใช้หม้อเบอร์ 32 ขึ้นไปครับ)
2. นำใบเตยหอมใส่ลงไปในหม้อ 1 กำ บิดพอประมาณก่อนใส่เพื่อให้น้ำใบเตยออก (ห้ามใช้หนังยางรัดใบเตยนะครับ)
3. นำใบเตย 1/2 กำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นหยาบๆแล้วนำมาเทใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำได้เลยครับ
4. เมื่อน้ำเริ่มร้อนแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป2กก.แล้วคนจนน้ำตาลละลายเข้ากันกับน้ำ
5. ต้มต่อจนเดือดอ่อนๆแล้วยกลงไปกรองเอาเนื้อใบเตยปั่นที่ใส่ลงไปออกแล้วจึงไปกรอกลงขวดที่เตรียมไว้ได้เลยครับ (ท่านใดจะนำวุ้นมะพร้าวมาใสรวมลงไปด้วยก็ได้นะครับ เพิ่มความอร่อยได้อีก)
เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็บรรจุใส่ขวดพลาสติกพร้อมปิดฝาให้มิดชิด สามารถขายส่งได้สบายเลยล่ะ
นอกจากจะบรรจุเป็นขวดแล้ว เรายังสามารถดัดแปลงให้เป็นเมนูเสิร์ฟเป็นแก้วสำหรับร้านแบบนั่งชิลล์ หรือเป็นเมนูเสริมของร้านอาหารได้อีกด้วย
ใครสนใจอยากเปิดธุรกิจเครื่องดื่มชงเล็กๆ ก็ลองเอาไปทำกันดูนะครับ ^_^
ที่มา : สมาชิกหมายเลข 1763639
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น