สูตรอาหาร เมนูอาหาร

  เปิดสูตรลับ ผัดกะเพราแท้ๆ ต้องใส่อะไรบ้าง ถึงอร่อย? ชวนคุณเข้าครัวมาปรุงผัดกะเพราตามสูตรโบราณ ที่รับรองว่าอร่อยเผ็ดแซ่บสะเด็ด หอมฉุนถึงเครื่องกะเพราแท้ๆ จะต้องทำยังไงบ้าง ตามมาดู ส่วนผสมและวัตถุดิบ 1.ใบกะเพราเขียว 1 หยิบมือ 2.ใบกะเพราแดง 1 หยิบมือ 3.เนื้อสัตว์ตามต้องการ เช่น ไก่ หมู เนื้อ ตับ กุ้ง หมึก ไส้กรอก แฮม แหนม ลูกชิ้น ฯลฯ ประมาณ 200 กรัม 4.พริกจินดาสีแดง ปริมาณตามชอบ 5.พริกขี้หนูสวนสีเขียว ปริมาณตามชอบ 6. กระเทียม 2-3 กลีบ 7. ข่าหั่นแว่นเล็กๆ 1-2 แว่น (ใช้นิดเดียว) 8. น้ำมันพืช พอประมาณ 9. เครื่องปรุง น้ำปลาดี น้ำตาล น้ำซุปเล็กน้อย (หรือน้ำเปล่า) 10. สิ่งที่ไม่ควรใส่เพิ่ม >> หอมใหญ่ ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว เห็ด หรือผักใบอื่นๆ เปิดสูตรลับ ผัดกะเพราแท้ ต้องใส่อะไรบ้าง ถึงอร่อย? ขั้นตอนการปรุง 1. ถ้าใช้เนื้อสัตว์เป็นหมู ไก่ เนื้อ ควรนำมาสับหยาบๆ ก่อน โดยแบ่งใบกะเพราแดงมาส่วนหนึ่งสับลงไปพร้อมกับเนื้อสัตว์ด้วย เพิ่มความหอมฉุนจากใบกะเพรา ส่วนถ้าเป็นกุ้ง ปอกเปลือกผ่าหลัง หมึกและอื่นๆ หั่นเป็นชิ้นให้เรียบร้อย 2. นำกระเทียม ข่า พริกทั้ง 2 ชนิด ใส่ครก โขลกให้แหลกพอหยาบๆ ไม่ต้องละ

  ชวนทำเมนูแซ่บซี๊ด ‘ยำขนมจีนปลาทูหมูยอ’ สูตรเด็ดเครื่องเน้นๆ ยำขนมจีน เมนูแซ่บสำหรับคนที่ชอบอาหารรสจัดจ้านที่เคล้าไปด้วยกลิ่นปลาร้าหอมๆ จะเรียกว่าเป็นเมนูลดน้ำหนักสำหรับสาวๆ ก็ถือว่าไม่ผิดนัก เพราะส่วนประกอบของมันล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่มีแคลลอรี่ไม่สูงมากนัก ไม่ว่าจะเป็นผัก หรือปลาทู แต่ก็ยังพอมีขนมจีนและหมูยอที่ช่วยให้พลังงานต่อร่างกายบ้าง ชวนทำเมนูแซ่บซี๊ด ‘ยำขนมจีนปลาทูหมูยอ’ สูตรเด็ดเครื่องเน้นๆ ส่วนประกอบและเครื่องปรุง 1. มาเตรียมเครื่องปรุงกันเลย ปลาทู 3 ตัว 2. หมูยอขนาดกลาง 2 แท่ง 3. ขนมจีน 1/2 กิโลกรัม 4. หอมแดง 20 หัว 5. พริกขี้หนูซอย 10 เม็ด 6. พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ 7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 8. น้ำปลาร้าต้มสุก 9. มะนาว 3 ลูก 10. ผักชีฝรั่ง 10 ต้น (แล้วแต่ความชอบ) วิธีทำ 1. ทอดปลาทูจากนั้นให้แกะก้างทิ้ง ตามด้วยลวกหมูยอและนำมาใส่ไว้ในหม้อคลุก 2. ปรุงรสน้ำยำ เริ่มจากน้ำปลาร้า น้ำต้มสุก มะนาว น้ำตาลทราย พริกป่น พริกขี้หนู และคนให้เข้ากัน 3. จากนั้นให้ใส่ถุงมือและนำเส้นขนมจีนลงไปคลุกกับปลาทู หมูยอ และน้ำยำที่เตรียมไว้ 4. ตามด้วยผักที่หั่นไว้แล้ว เสร็จแล้วตักใส่จาน ทานคู่กับไข่ต้มได้

  แบ่งปันสูตรข้าวต้มโบราณ เมนูคู่บ้าน ขั้นตอนทำง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ข้าวต้ม อีกหนึ่งเมนูคู่บ้านที่ทั้งทำง่าย ใช้เวลาน้อย แถมยังรสชาติอร่อย ยิ่งได้ร้อนๆ ในช่วงหน้าหนาว ขอบอกว่าสุดแสนจะฟินเลยล่ะค่ะ และนอกจากนี้ ข้าวต้ม ยังเป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถใช้รับแขกได้ทุกวาระ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง งานบวช หรืองานมงคลต่างๆ ซึ่งมันก็ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ วันนี้เราก็มีสูตร ข้าวต้มโบราณ อาหารจานอร่อยมาแบ่งปันเพื่อนๆ ชาวเว็บทุกท่าน โดยสูตรนี้เป็นของคุณ อีกาตัวที่สี่ สามารถทำทานได้จำนวน 1-2 คน ถ้าหากใครอยากทำเป็นหม้อใหญ่ก็สามารถนำสูตรไปคำนวณเพิ่มปริมาณเครื่องปรุงกันได้ เอาล่ะค่ะ หน้าตาจะน่าทานขนาดไหน เราไปติดตามกันเลยดีกว่า ข้าวต้มโบราณ สูตรนี้ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีเหมาะกับ 1-2 คนตั้งชื่อนี้ เพราะ เมื่อก่อนสมัยเด็ก ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดทางภาคเหนือ เวลามีงานศพ ส่วนใหญ่ ช่วงกลางคืน พอพระสวดเสร็จ ก็จะมีการเสริฟข้าวต้ม และข้าวต้มที่ว่านี่แหละค่ะ ตอนนี้ไม่เห็นมีใครทำขายหรือทำเสริฟในงานอีกเลย ด้วยความที่คุณย่าของฉันเป็นคนทำอาหารอร่อย เจ้าภาพหลายๆ งานมักจะว่าจ้างให้ไปทำอาหารเลี้

  ชวนทำ “แกงเขียวหวานเนื้อ” สูตรจัดจ้านถึงใจ อร่อยได้ไม่มีเบื่อ สำหรับแกงเขียวหวานสูตรแรกขอแนะนำแกงเขียวหวานเนื้อมาเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลยเป็นสูตรจากคุณสมาชิกหมายเลข 2228164 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) สูตรง่ายใช้น้ำพริกแกงเขียวหวานสำเร็จรูปเคี่ยวกับกะทิและเนื้อวัวจนนุ่ม เสิร์ฟพร้อมปลาเค็ม หรือปลาแดดเดียว ส่วนผสม แกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกแกงเขียวหวาน (ใส่กะปิ) น้ำมันพืช หัวกะทิ เนื้อวัวติดมัน หางกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือเม็ด มะเขือพวง มะเขือเปราะ (ผ่าสี่ส่วน) พริกเหลือง (หั่นเป็นเส้น) พริกจินดา ใบโหระพา ปลาเค็ม หรือปลาแดดเดียว วิธีทำแกงเขียวหวานเนื้อ 1. ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานกับน้ำมันพืชให้หอม 2. ค่อย ๆ เติมหัวกะทิใส่ลงไปเล็กน้อย เมื่อกะทิเริ่มแตกมันจึงใส่เนื้อวัวลงไปผัดให้เข้ากัน 3. เติมหางกะทิลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนให้เนื้อวัวนุ่ม ระหว่างรอเนื้อนุ่มให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือเม็ด 4. เมื่อเนื้อเริ่มนุ่มแล้วให้เติมหัวกะทิที่เหลือลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง 5. ใส่มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกเหลือง และพริกจินดาลงไปคนให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที ปิดไฟ ใส่ใบโหระพาลงไป ตักใส่ชาม เสิร์ฟพร้อม

  สูตรน้ำมะเขือเทศสดแท้ อร่อยสดชื่น ได้สุขภาพเต็มๆวิตามิน ปราศจากโซเดียม ปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งการออกกำลังกาย และอาหารการกิน โดยเฉพาะเรื่องของอาหารที่นับว่าเรานั้นโชคดีที่เมืองไทยมีพืชผักหลากหลายชนิด ทั้งยังมีราคาถูกอีกด้วย ทำให้คนรักสุขภาพมีทางเลือกมากมายในการดูแลสุขภาพ วันนี้เราก็จะชวนเพื่อนมาทำ “น้ำมะเขือเทศสดแท้” ที่ทั้งหมด อร่อย สดชื่น อุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อร่างกาย แถมยังโซเดียมต่ำอีกด้วย โดยน้ำมะเขือเทศสูตรนี้เป้นสูตรจากคุณ ฟูม่อน เราไปชมส่วนผสม และวิธีทำไปพร้อมกันได้เลยครับ ส่วนผสม (ทำได้ 3-4ลิตร) 1. มะเขือเทศ 3 กก. ล้างให้สะอาด 2. น้ำสะอาด อุปกรณ์ 1. หม้อ 2. มีด 3. เขียง 4. กระชอน หรือโถปั่น (มูลิเนต) วิธีทำ 1. แช่น้ำ ล้างน้ำ 2 รอบ ให้สะอาด ก่อนเด็ดขั้วจุกก้านสีเขียวทิ้ง 2. ใส่มะเขือเทศในหม้อขนาดใหญ่ ใส่น้ำเปล่าให้ท่วมมะเขือเทศ ต้มไฟแรง จนมะเขือเทศเปื่อย ผิวเปลือกมะเขือเทศจะหลุดออกจากเนื้อ 3. ยกลงจากเตา รอให้คลายตัว เย็นลงตักมะเขือเทศและน้ำมะเขือเทศใส่กระชอนให้ทัพพีกดๆ บดๆ บี้ๆ จนเนื้อไปผสมกับน้ำ หรือจะปั่นในโถปั่น แล้ว กรองแยกกากอีกทีก็

  ชวนทำน้ำพริกหมูสับ เมนูบ้านๆ ทานคู่กับผักสดรับรองอร่อยถึงใจ ในสำรับเมนูอาหารไทย เมนูที่จะขาดไปไม่ได้เลย คือ “น้ำพริก” ซึ่งเป็นเมนูที่ช่วยชูรสชาติให้มื้ออาหารได้เป็นอย่างดี โดยน้ำพริกจะมีความโดดเด่นของรสชาติที่เผ็ดจัดจ้าน จึงนิยมทานคู่กับผักสด หรือผักต้ม น้ำพริกยังมีสูตร และเมนูที่หลากหลายตามแต่ท้องที่อีกด้วย วันนี้เราก็มีเมนูน้ำพริกมาฝากเพื่อนๆ ให้ลองทำทานกันที่บ้าน โดยเป็นเมนู “น้ำพริกหมูสับ” สูตรจากคุณ มนุษย์พันธ์ M เป็นเมนูที่มีรสชาติที่จัดจ้าน มีเนื้อหมูเน้น ทานคู่กับผักสดรับรองอร่อยถึงใจ เราไปชมส่วนผสม และวิธีทำกันได้เลยครับ ส่วนประกอบหลัก 1. หมูสับ 2. ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ใบมะกรูดซอย 3. ต้นหอม ผักชี 4. พริกป่น วิธีทำ 1. ซอยหอมแดง ตะไคร้ในปริมาณเท่าๆกัน ซอยใบมะกรูดสัก 10 ใบ จากนั้นนำมาตำให้แหลกแล้วพักไว้ก่อน 2. นำหมูสับมารวนใส่น้ำปลาเล็กน้อยจนสุก 3. จากนั้นนำหมูสับที่สุกแล้วมาใส่ครกและเติมพริกป่นลงไป จากนั้นตำให้เข้ากัน 4. แล้วนำหมูสับที่คลุกเคล้าดีแล้วมาผัดให้มีกลิ่นหอมออก จากนั้นเติมน้ำสัก 1 ถ้วยแล้วปรุงรส ตัดด้วยน้ำตาล เติมน้ำปลา มะนาว ตามใจชอบ 5. พอเดือดแล้วใส่ต้นหอม ผักชีที่

  ไข่เจียวสเปน เมนูไข่สุดฟิน ทั้งถูก ทั้งอร่อย ทำง่ายมาก ส่วนผสม หัวหอม 1/4 มันฝรั่ง (ขนาดเล็ก) 1 เกลือและพริกไทย นิดหน่อย ผง consomme 1 ช้อนชา นม 100 ซีซี ไข่ 3 ☆แป้ง 1 ช้อนชา ☆น้ำชา 2 ช้อน เนย 10 กรัม ช้อนชาน้ำมันมะกอก 2 มะเขือเทศ 2 ลูก ชีส ตามชอบ ขั้นตอน 1.หั่นหัวหอมและตัดมันฝรั่ง แช่มันฝรั่งในน้ำสักครู่ 2.ใส่หัวหอมและมันฝรั่งลงในชามที่ทนความร้อนและความร้อนในไมโครเวฟ (3 นาที / 600 วัตต์) 3.ความร้อนเนยในกระทะและหัวหอมทอดและมันฝรั่งหลังจากอุ่นในไมโครเวฟ หั่นมะเขือเทศเชอรี่เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ลงในพิมพ์ 4.เพิ่มผง consomme ลงในนม เอาลงในกระทะและนำไปต้ม 5.ผสมน้ำ 2 ช้อนชากับแป้ง 1 ช้อนชา หยุดไฟและเพิ่มในกระทะ ผสมให้เข้ากัน 6.ตีไข่และผสมกับทุกอย่างในกระทะ 7.ใส่น้ำมันมะกอกลงกระทะให้ร้อน แล้วใส่ข้อ 6 ในกระทะอีกครั้ง เพิ่มชีสด้านบน 8.กลับทั้งสองด้านจนสุก ก็เสร็จ! (ใช้จานพลิกไข่ระวังอย่าให้แตก!) อร่อยได้!

  แจกสูตรขนมน้ำดอกไม้ ขนมไทยสีสันสวยสด ทำง่ายแถมสร้างอาชีพได้อีกด้วย ขนมไทย เป็นขนมหวานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติ สีสัน และหน้าตาของขนม ที่ทั้งอร่อย และสวยงาม ในปัจจุบัน ขนมไทยหลายชนิดกลายเป็นขนมที่หาทานได้ยาก เพราะขนมไทยส่วนใหญ่มีส่วนผสม และขั้นตอนการทำที่พิถีพิถัน กว่าจะได้ขนมแสนอร่อยสักสำรับหนึ่ง วันนี้ ในบ้าน จะชวนเพื่อนๆ ไปทำขนมไทยที่มีหน้าตา และสีสันที่สวยงาม แต่มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยาก นั่นคือเมนู “ขนมน้ำดอกไม้” โดยเป็นสูตรจาก ป้ามารายห์ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปชมส่วนผสม และวิธีการทำกันได้เลยครับ ส่วนผสม 1. แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม 2. แป้งท้าวยายม่อม 1+1/2 ช.ต. 3. น้ำตาลทราย 225 กรัม 4. น้ำร้อน 450 ml 5. กลิ่นมะลิ 1/2 ช.ช. 6. สีผสมอาหาร วิธีทำ 1. ผสมน้ำตาลทราย+น้ำร้อน แล้วคนจนน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นพักให้เย็นลง 2. ผสมแป้งข้าวเจ้า+แป้งท้าวยายม่อม ค่อยๆเทน้ำที่ผสมน้ำตาลลงไป แล้วให้มือขยำจนแป้งละลายหมด พอผสมเข้ากันดีก็เทน้ำส่วนที่เหลือลงไปแล้วตามด้วยกลิ่นมะลิ 3.แบ่งใส่ถ้วย ใส่สีตามชอบใจ สีอย่าใส่มากนะคะ ให้ใส่ถ้วยละหยดพอ พอขนมสุกสีจะเข้มขึ้นอีก 4.นึ่งถ้วยให้ร้อนประมาณ 15 นาที 5. จา