บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน 8, 2022

สูตรเด็ด "หมูสามชั้นผัดกะปิพริกสด" หอมอร่อยจนต้องยกนิ้ว

รูปภาพ
  หมูสามชั้น เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบ ที่สามารถนำมาทำอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู ซึ่งความอร่อยของหมูสามชั้นก็ตรงที่มีมันหมูแทรกอยู่ระหว่างชั้นเนื้อจึงทำให้หมูมีความนุ่มเด้ง ไม่ว่าจะนำมาไปทำต้ม ผัด แกง ทอด ก็ทำได้หมด และวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่จะนำหมูสามชั้นมาเป็นวัตถุดิบ นั่นก็คือเมนู  "หมูสามชั้นผัดกะปิพริกสด"  จากคุณ CEEZAKi บอกเลยแค่ชื่อเมนูก็ชวนน้ำลายไหลแล้ว งั้นเราตามไปดูกันเลยว่ามีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำยังไงบ้าง วัตถุดิบ 1. หมูสามชั้น หั่นขนาดพอดีคำ 2. พริกสด สับหยาบๆ 3. กระเทียม สับหยาบๆ 4. กะปิ 5. น้ำมัน 6. น้ำปลา 7. ซอสปรุงรส 8. น้ำตาล 9. ผงชูรสอูมามิ วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิพริกสด 1. นำหมูสามชั้นลงไปผัดในน้ำมัน ผัดจนเรื่อยจนหมูเริ่มสุก 2. เกลี่ยหมูไว้ข้างๆกระทะ นำกระเทียมสับ พริกสดสับ และกะปิ ลงไปตรงกลางกระทะ แล้วเจียวให้ทุกอย่างเข้ากัน 3. จากนั้นผัดหมูให้เข้ากันกับเครื่องเจียว แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำตาล ผงอูมามิ (รสชาติตามใจชอบ) 4. แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟ คลิปวิธีทำ

ชวนทำ ขนมรังผึ้ง สูตรโบราณ อร่อยมาก

รูปภาพ
  วันนี้ GangBeauty ขอเอาใจสาวๆ ที่ชอบขนมหวานด้วยเมนูขนมรังผึ้ง ตอนนี้หากินได้ยากมาก สูตรขนมรังผึ้งนี้ เป็นสูตรขนมโบราณ สามารถทำกินหรือทำขายได้เลย ส่วนผสม อุปกรณ์ ราคาไม่แพง ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เพิ่มมูลค่าด้วยการใส่หน้าต่างๆ ขายดีกำไรงามแน่นอน ว่าแล้ว มาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำขนมรังผึ้งกันดีกว่าค่ะ ส่วนผสม (ทำได้ประมาณ 12 ชิ้น) - แป้งข้าวจ้าว 1/2 ถ้วย - แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1.5 ถ้วย - น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วย - เกลือ 1/4 ช้อนชา - กะทิ 2 ถ้วย - ไข่ไก่เบอร์ 2 จำนวน 2 ฟอง - น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ( สำหรับทาพิมพ์ ) - พิมพ์ทำขนมรังผึ้ง วิธีการทำขนมรังผึ้ง 1. ให้เราทำการผสมไข่ขาวกับน้ำตาล ใช้เครื่องตีระดับแรงให้น้ำตาลทรายและไข่เข้ากันดี จนมีลักษณะขึ้นฟูตั้งยอด วางพักเอาไว้ 2. ทำการผสมแป้งสาลีและแป้งข้าวโพด จากนั้นทยอยใส่ลงไปในไข่ที่เราได้ตีเอาไว้ในขั้นตอนที่ 1 ตามด้วยการใส่กะทิ เกลือทำการคนส่วนผสมให้เข้ากันดี และวางพักเอาไว้นานประมาณ 30 นาที เพื่อให้แป้งเซ็ตตัว 3. ขั้นตอนถัดมาเรานำพิมพ์ขึ้นตั้งเตา พร้อมกับทาน้ำมันมะพร้าวให้ทั่ว (ทาเพื่อไม่ให้ตัวแป้งติดอยู่กับเตา) เ

สูตร "น้ำเต้าหู้เข้มข้น" อร่อยด้วย สุขภาพดีด้วย!

รูปภาพ
  ปัจจุบันคนหันมารักสุขภาพมากขึ้น ทั้งออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแคลลอรี่สูง ฉะนั้นวันนี้ GangBeauty เลยขอเอาใจคนรักสุขภาพกับเมนู " น้ำเต้าหู้เข้มข้น" ทำง่ายๆ ได้ประโยชน์แบบจัดเต็ม ตามไปดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำได้เลยจ้า..... ส่วนผสม -ถั่วเหลือง 0.5 กิโลกรัม (เราใช้ถั่วเหลืองกะเทาะเปลือก ยี่ห้อข้าวทอง เพราะให้น้ำนมที่ข้นและหอมค่ะ) -น้ำกรอง 4 ลิตร (ส่วนนี้แค่ที่เราจะใช้ปั่น ไปต้มนะคะ ไม่รวมที่ใช้แช่ค่ะ) -น้ำตาล ตามชอบ -ใบเตยแก่ 7-8 ใบ ขั้นตอนการทำ -ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด เอาเม็ดดำ เม็ดเสียและเปลือกออกให้หมด ล้างจนหมดกลิ่นเหม็นเขียว -ล้างประมาณ 20-25 น้ำค่ะ แช่ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง (แช่ด้วยน้ำกรอง เมื่อครบเวลา เทน้ำทิ้ง)และล้างอีกประมาณ 5 น้ำ -ขั้นตอนนี้ ใช้น้ำเปล่าก็ล้างได้นะคะ แต่เมื่อล้างเสร็จแล้ว พยายามสะเด็ดน้ำให้มากที่สุด จะได้ไม่มีกลิ่นคลอรีนติดไปค่ะ ระหว่างรอแช่ถั่วจะครบชั่วโมง ก็มาตำใบเตยให้ละเอียด เพื่อนำไปปั่นกับถั่ว แนะนำให้ใช้ใบเตยแก่ๆนะคะ เลือกที่จะตำก่อน เพื่อให้ได้กลิ่นที่หอมกว่าและสีสวยกว่าการปั่นค่ะ (ใครไม่ชอบ

เผย 3 เหตุผลที่คุณไม่ควร "ปั่นหู-แคะขี้หู" บ่อยจนเกินไป !!!!

รูปภาพ
  เชื่อว่าหลายๆ ต้องชื่นชอบการแคะหู เพราะคิดว่า  ขึ้หู  ดูเป็นสิ่งสกปรกที่มองแล้วไม่สบายตา แต่คุณทราบหรือไม่ว่า  ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ได้ให้เหตุผลที่คุณไม่ควรไปยุ่งกับขี้หูบ่อยจนเกินไป :   womeninbiznetwork.com 1. มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น หูของคุณสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง โดยที่คุณไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน หากคุณคิดว่าการที่คุณใช้ไม้พันสำลีเข้าไปแคะขี้หูเพื่อเป็นการทำความสะอาดหูแล้วนั้น คุณอาจจะต้องคิดใหม่ เพราะว่าขี้หูที่ถูกสร้างขึ้นจะถูกสร้างจากด้านในของหูก่อนที่จะออกมาอยู่ด้านนอกได้เองตามธรรมชาติ ยกเว้นในบางคนที่อาจจะมีขี้หูมากกว่าปกติและในบางกลุ่ม (เช่น ผู้สูงอายุ) ที่ขี้หูจะแข็งและแห้งกว่าปกติ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่ควรแคะหูอยู่ดี :  ent-surgery.com.au 2. มันอาจจะเป็นอันตรายได้ การใช้ไม้พันสำลีเข้าไปในหูนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายต่อหูหรือเยื่อแก้วหู หรือผลักให้ขี้หูเข้าไปลึกกว่าเดิมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความดันภายในหูเพิ่มขึ้นและทำให้คุณได้ยินเสียงลดลง ยิ่งไปกว่านั้นขี้หูที่ถูกผลักเข้าไปใกล้กับเยื่อแก้วหูนั้นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่หูได้อีกด้วย :  girlsallaround.com 3. การมีข

อยากยิ้มสวย!! 5 วิธีแก้ฟันเหลือง แบบเห็นผล ให้กลับมาขาวสะอาด ด้วยวิธีง่ายๆ!!

รูปภาพ
  ใครๆ ก็อยากยิ้มอย่างมั่นใจว่าเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยงาม แต่ด้วยชีวิตประจำวัน อาหารการกิน ชา กาแฟ บุหรี่ หรือปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันของตัวเองก็อาจส่งผลให้ ฟันที่เคยขาววิ๊งๆ เปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลืองได้โดยปกติแล้วสีฟันของคนเราจะเป็นสีขาวมันวาว แต่บางคนจะมีฟันเหลือง คล้ำ หรือดำ ดูไม่สวยงาม ซึ่งอาจจะเป็นฟันเพียงบางซี่หรือเป็นทุกๆ ซี่ก็ได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟันไม่ขาวก็มาจากหลายสาเหตุด้วยกันหรือบางครั้งอาหารบางจำพวกก็มักจะทิ้งคราบหลงเหลือไว้บนฟันของเราได้เช่นกัน เมื่อมันเกาะตัวหนามากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ฟันของเราเหลืองขึ้นได้เรื่อยๆ ทำให้เวลาที่เรายิ้มแล้วรู้สึกไม่มั้นใจ เพราะฟันเหลืองหากฟันเหลืองทำให้เราเสียบุคลิกและยังดูเป็นคนที่สกปรกอีกด้วย วันนี้  gangbeauty  มี 5 วิธีแก้ฟันเหลือง แบบเห็นผล ให้กลับมาขาวสะอาด ด้วยวิธีง่ายๆ!! ไหปดูกันเลย ภาพจาก     pixabay 1. ขูดหินปูน ขูดหินปูน ทุกๆ 6 เดือน บางครั้งคราบเหลืองๆ ของฟันนั้นเกิดมาจากหินปูนที่สะสมอยู่มาก ดังนั้นก่อนอื่นเลยคงต้องทำการกำจัดเจ้าหินปูนนี้ออกไปให้หมดเสียก่อน 2. การฟอกสีฟัน การฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันของคุณกลับมาขาวดังเดิม ซึ่งจะมีอยู่

หลายคนไม่รู้!! "นม" ควรดื่มเวลาไหน? ให้ร่างกายได้ประโยชน์จากนมมากที่สุด!!

รูปภาพ
  นม เป็นอาหารที่ยอมรับกันว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง ครบถ้วนด้วยสารอาหารหลัก 5 หมู่ นมมีโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอมิโนครบถ้วนทุกชนิด โดยเฉพาะชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ยุคปัจจุบัน มีคนไทยจำนวนมากเติบโตในยุคที่รณรงค์ส่งเสริมถึงคุณประโยชน์ของนม จึงได้ดื่มนมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่หลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่านมนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า นม ควรดื่มตามเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์จากนมมากที่สุด ภาพจาก   pixabay.com 1 ควรแบ่งเวลาในการดื่มนมเพื่อให้ได้ประโยนช์สูงสุด ช่วงเช้าระหว่างเวลา  ตี 5-7โมงเช้า  เป็นช่วงที่ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงาน การดื่มนมเปรี้ยวในช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด เพราะจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวจะไปช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น 2 ช่วงเวลา  7-9โมงเช้า  เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารเริ่มทำงาน และร่างกายเริ่มต้องการพลังงานเพื่อนำไปใช้ในกิจวัตรประจำวัน ช่วงเวลานี้ควรดื่มนมพาสเจอร์ไรส์ หรือนมรสมอลต์จะดีที่สุด ภาพจาก   pixabay.com 3 ช่วงเวลา  9 โมงถึงเที่ยง  เป็นช่วงเวลาที่สมองเริ่มต้องการๆกระตุ้นอย่างเต็มที่ การดื่ม โยเกิร์ตไขม

สุดยอด !! 10 ผักพื้นบ้าน ช่วยบำรุงสมอง ต้านความจำเสื่อม ชะลอความแก่ได้จริง !!!

รูปภาพ
  ใครที่ชื่นชอบทานผักกับน้ำพริก วันนี้ gangbeauty ขอแนะนำ 10 ผักพื้นบ้าน ที่สามารถนำไปนึ่งทานกับน้ำพริกหรือทำเมนูอาหารต่างๆได้หลากหลาย แล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆมาฝากกันค่ะ ซึ่งผักเหล่านี้มีสรรพคุณ ช่วยเรื่องความจำ บำรุงสมอง ชะลอความแก่ แก้อ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง แก้ไมเกรนได้อีกด้วย !!! :  women.thaiza.com 1. ผักหวาน  ผักหวานมีรสชาติหวานสมชื่อ นิยมนำไปนึ่งแล้วจิ้มกับน้ำพริกแจ่วสารพัดชนิด นอกจากนี้ยังใช้ทำแกงได้อร่อยอีกต่างหาก คนอีสานนิยมนำไปแกงใส่ใข่มดแดง อันเป็น อาหารยอดฮิต หรือแกงใส่ปลาย่างผสมใบชะอม ทำเป็นแกงอ่อมก็อร่อยดี ทางเหนือนิยมแกงผักหวานใส่ปลาย่างกับวุ้นเส้น งบผักหวานใส่มดแดงสุดอร่อย และคนกรุง ยังนำผักหวานไปผัดกับน้ำมันร้อนๆ ปรุงด้วยซีอิ๊ว เหยาะเกลือนิดก็อร่อย :  thaiarcheep.com 2. ผักกูด  ผักกูดอร่อยต้องกินหน้าแล้งเพราะรสชาติไม่ฝาดเหมือนในฤดูอื่นๆ อร่อยตรงจืดอมหวานเนื้อกรอบ ส่วนใหญ่นิยมกินยอดและใบอ่อน ผักกูดน้ำไม่นิยมกินสด มักเอา ไปต้มหรือเอาไปลวก นอกจากกินเป็นผักแนม ผักกูดน้ำยังใช้ ต้ม ยำ ทำแกงหรือผัดกับน้ำมันเฉยๆ ก็อร่อยเหลือหลาย เคล็ดลับการทำแกงส้มผักกูดควรใส่ปลาช