บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม 25, 2022

เมนูทำง่าย "เส้นเล็กผัดไข่ใส่หมูสับ" แก้หิวได้เริ่ดสุด!

รูปภาพ
  สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารสักเท่าไหร่ เวลาจะทำอาหารทานเองสักจานก็คงจะหนีไม่พ้นการค้นตู้เย็นว่ามีอะไรบ้างที่พอจะนำมารวมๆ กันให้เกิดเป็นเมนูแก้หิวสักมื้อ และแน่นอนว่าแทบทุกบ้านจะต้องมีวัตถุดิบสุดคลาสสิคอย่าง "ไข่ไก่" และ "หมูสับ" ไว้ติดตู้เย็นกันแน่นอน วันนี้เราจะมาแจกสูตร "เส้นเล็กผัดไข่ใส่หมูสับ" ให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปทำกัน ซึ่งเป็นสูตรของคุณ LanNa Rak NaiLhong ที่เกิดจาการนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็นมารังสรรค์เป็นเมนูในครั้งนี้ เราไปชมส่วนผสม และวิธีทำกันได้เลยครับ ส่วนผสม 1. ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 2. ไข่ไก่ 3. หมูสับ 4. ผักชี ต้นหอม กระเทียม ซอย 5. กุ้งแห้ง, กระเทียมทุบ 6. น้ำมันพืช, น้ำปลา, น้ำตาลทราย, ซีอิ๊วขาว วีธีทำ ตั้งน้ำมันร้อนกลาง ใส่กระเทียมลงไปผัด ตามด้วยไข่ไก่ยีให้แตกกันผัดซักครู่ หมูสับตามลงไปผัด ใส่เส้นเล็กลงไปผัด ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ซีอิ็วขาว ใส่ผักชีต้นหอมลงไปผัดพอสุก ยกลงพร้อมรับประทาน

เมนู "ราดหน้าหมูนุ่มกุ้งผักรวม" พร้อมสูตรการ "หมักหมูนุ่ม"

รูปภาพ
  วันนี้ เราก็มีสูตรการหมักหมูนุ่มมาฝากเพื่อนๆ เพื่อให้สามารถลองนำไปนำทานกันที่บ้านด้วย ซึ่งเราก็มีเมนู "ราดหน้าหมูนุ่มกุ้งผักรวม" มาฝากอีกด้วย โดยเป็นสูตรจากคุณ แม่ครัวตัวน้อย ลองไปชมส่วนผสม และวิธีทำกันได้เลย เผยเคล็ดลับ "หมักหมูนุ่ม" สำหรับทำราดหน้า อร่อยเหมือนร้านเด็ดมาเสิร์ฟให้ถึงที่บ้าน(สูตรโดยคุณ แม่ครัวตัวน้อย) เริ่มจากทำหมูนุ่ม 1. เลือกใช้สะโพกหมูหรือสันนอกติดมัน ล้างให้สะอาด แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซทั้งชิ้นจนแข็งแต่ไม่มาก (แช่เพื่อให้หมูนุ่มและหั่นง่าย) 2. นำออกมาหั่นบางๆ เป็นชิ้นๆ ขนาดตามชอบ จากนั้นหมักด้วยซีอิ้วขาว , น้ำมันหอย , พริกไทย , แป้งมันฮ่องกง 1 ชต. (แป้งมันธรรมดาก็ได้) / หมู 350 กรัม , เบกกิ้งโซดาครึ่งชช. / หมู 350 กรัม (ห้ามใส่เกินหมูจะเฝื่อน) , น้ำมันงาเล็กน้อย , ไข่ไก่ 1 ใบ , ผงกระเทียม 2 ชช. , น้ำมันพืช 1 ชต. (ส่วนผสมอื่นๆ กะๆ เอา พอเรานำหมูไปปรุงอาหาร หมูจะจืดลงเล็กน้อย  หมักไว้ 1 ชม. ก่อนนำมาปรุงอาหาร / ใช้ไม่หมดแบ่งเป็นถุงๆ แช่ฟรีซไว้ หมูนุ่มแบบนี้เหมาะสำหรับทำราดหน้า , สุกี้ , ปิ้งย่าง(ตัดไข่เพิ่มงาขาว) 3. ใช้ส้อมคนๆ ให้เข้ากัน หมักไว้ 1 ชม.

สูตรเด็ด "หมูกรอบ" ทำง่ายมาก กรอบนาน ปรุงเมนูไหนก็เลิศ!!

รูปภาพ
  ใครชอบทานหมูกรอบเป็นชีวิตจิตใจบ้าง? แต่เวลาจะไปสั่งที่ร้านทีไรก็มักจะถูกบวกเพิ่มจากราคาเดิมเสมอ หรือบางครั้งก็โดนแจ็กพอตซะงั้นเพราะเก็บไว้นานเหนียวแถมเหม็นหืน ทำให้หมดอารมณ์ทางการกินและเสียเงินแบบไม่คุ้มกับความต้องการ วันนี้  GangBeauty  จึงมีสูตรเด็ดของการทำหมูกรอบ จากสมาชิกเว็บไซต์พันทิป  คุณPecan  มาฝากกัน รับรองว่าทำง่ายมาก แถมกรอบนาน จะเอาไปปรุงเมนูไหนต่อก็เลิศจ้า ส่วนจะมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆ กันเลย.. วัตถุดิบที่ต้องเตรียม 1. เนื้อหมูสามชั้น 2 ชิ้นใหญ่ (เนื้อท้องเป็นวัตถุดิบที่เหมาะกับการทำหมูกรอบที่สุด) 2. เหล็กแหลม หรือส้อมแข็งๆ สำหรับจิ้มหนังหมู 3. ดอกเกลือ 4. น้ำส้มสายชู 5. น้ำมันสำหรับใช้ทอด ขั้นตอนการทำหมูกรอบ 1. รีบนำมาทำความสะอาด แม่ค้าใจดีเอามีดโกนขูดเกลี้ยงเกลา ให้เห็นหนังและเนื้อชมพูอ่อนๆ ล้างด้วยน้ำสะอาดไหลผ่าน ไม่มีการแช่เด็ดขาด การใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง 2. หลังจากล้างแล้วก็นำไปนึ่งจนหนังใสๆ แล้วก็บั้งยาวๆ  เวลาทำเสร็จจะได้หั่นสวยๆ ง่ายๆ แล้วก็สุกทั่วถึง 3. ใช้เหล็กแหลม หรือส้อมแข็งๆ จิ้มให้ทั่วหนังหมู จิ้มเรียงเป็นแถมทั้งทางยาว

สูตรทำแป้งโรตี แบบบ้านๆ ทำง่ายนิดเดียว

รูปภาพ
  แจกสูตรการทำโรตี ไว้กินเองง่ายๆ สะอาดดีมีคุณภาพ ไม่ง้อบัง สูตรนี้ทำได้ 21 ก้อน โรตีไหมจ้ะนายจ๋า ถ้าอยากกินอย่าไปรออาบัง มาทำโรตีกินเองเลยดีกว่า สะอาด อร่อย ดี และมีคุณภาพ เพราะวัตถุดิบคัดมาเองเน้นๆ อยากกินโรตีสักทีต้องรออาบังขับรถผ่านมาขาย แต่... ก็ต้องยอมทนกับความไม่สะอาด น้ำมันเยิ้มๆ ใช้ทอดซ้ำแล้วซ้ำอีก วันนี้เรามีวิธีทำโรตีกินเองแบบง่ายๆ มาฝาก อร่อยดีแถมสะอาดด้วย ไม่ต้องง้ออาบังเลยสักนิด อยากกินเมื่อไหร่ก็จัดไป เป็นสูตรแป้งโรตีมาจาก คุณ crab20july สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ทำแป้งครั้งเดียวแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น ถึงเวลาก็จับมาทอดตามใจชอบ ราดนมนิด น้ำตาลหน่อย อร่อยลืมอ้วนกันไปเลยล่ะแบบนี้ ส่วนผสม 1. แป้งอเนกประสงค์ 600 กรัม 2. เนยละลาย 15 กรัม 3. ไข่ไก่ 1 ฟอง 4. น้ำสะอาด 270 กรัม 5. นมข้นหวาน 80 กรัม 6. เกลือ 1 ช้อนชา 7. น้ำมันพืช หรือเนยละลาย (สำหรับชุบแป้ง) 8. นมข้นหวาน หรือ ช็อกโกแลต (โรยหน้า) วิธีทำแป้งโรตี 1. ผสมเนยละลาย ไข่ไก่ น้ำ นมข้นหวาน และเกลือเข้าด้วยกัน 2. นำแป้งอเนกประสงค์ใส่ลงในอ่างผสม 3. ทำหลุมตรงกลางแป้ง ค่อยๆ เทของเหลวใส่ลงไป 4. ตีส่วนผสมด้วยความเร็วระดับ 1 5. แป้งท

หอมเข้มข้น!! สูตร "น้ำซุปต้มเลือดหมู" ทำง่าย อร่อยมาก!!

รูปภาพ
  เรียกได้ว่า "ต้มเลือดหมู" เป็นอาหารที่นิยมในระดับนึง แต่บางร้านก็อร่อยถูกปากแต่บางร้านก็ไม่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนอร่อย แต่วันนี้เราไม่ต้องไปเสี่ยงอีกแล้วว่าร้านที่เข้าไปจะอร่อยรึป่าว เพราะเราได้นำสูตร น้ำซุปต้มเลือดหมู หอมอร่อย เข้มข้นทำง่ายอร่อยมาก วัตถุดิบในการทำน้ำซุป 1.กระดูกหมู 2 ข้อ 2.น้ำสะอาด 3.รากผักชีทุบ 10 ราก 4.กระเทียม 3 หัว 5.พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา 6.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ 7.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 8.เกลือ 1 ช้อนชา ขั้นตอนการทำน้ำซุป 1.ใส่กระดูกหมูลงไปในหม้อต้ม แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปให้ท่วมกระดูกหมู เปิดไฟแรง เมื่อเดือดแล้วก็นำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ใส่ลงไป 2.เมื่อเดือดแล้วจะมีฟองเกิดขึ้น ให้คอยตักฟองออกไป เมื่อเดือดสักพักก็ดับเตาแก๊สได้ 3.ยกหม้อลงจากเตา ตักส่วนที่เป็นกระดูกออก กรองน้ำซุปให้มีความใส การเตรียมส่วนผสมเพื่อประกอบเมนู ต้มเลือดหมู 1.เลือดหมูต้มสุก 1 ก้อน 2.ตับหมู 100 กรัม 3.กระเพาะหมู 100 กรัม 4.เนื้อหมูสับ 100 กรัม 5.ใบคื่นช่าย 1 ต้น 6.ใบตำลึงหรือปวยเล้ง 1/2 ถ้วย 7.พริกไทยป่น 8.กระเทียมเจียว 9.ตังฉ่าย 1 ช้อนชา ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญ  สิ่งที่เราต

วิธีทำ เมี่ยงปลาทู พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

รูปภาพ
  เมนูเมี่ยงปลาทู เมนูโปรดของสาวๆ หลายคน เพราะอร่อยมีประโยชน์ ได้ทานผักมีโปรตีนจากปลาทู อร่อยได้สุขภาพแถมไม่อ้วนอีกต่างหาก เคล็ดลับความอร่อยของเมี่ยงปลาทู อยู่ที่น้ำจิ้มรสเด็ด สูตรนี้ใส่ถั่วตัด อร่อยมาก เย็นนี้สาวๆ มาลองทำเมี่ยงปลาทูกันดีกว่าจ้า ส่วนผสมน้ำจิ้มเมี่ยงปลาทู 1. พริกขี้หนูสวน 2. กระเทียมไทย 1 ส่วน 3. รากผักชีหั่นหยาบ 1 ส่วน 4. น้ำมะนาวสด 5. น้ำปลา 6. น้ำตาลปี๊บ 7. ถั่วตัด 8. น้ำต้มสุก วิธีทำน้ำจิ้มเมี่ยงปลาทู 1. พริกขี้หนู กระเทียม รากผักชี โขลกรวมกันโขลกให้ละเอียด หากใครขยันน้อยจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ค่ะ แต่โขลกจะอร่อยกว่าเพราะน้ำมันพริกขี้หนูจะแตกแล้วจะหอมมาก ขอให้โขลกให้ละเอียด จะอร่อยกว่าโขลกหยาบค่ะ เวลาโขลกเติมเกลือป่นลงไป ไม่เกิน 1 ช้อนชา จะทำให้โขลกละเอียดง่ายขึ้นและพริกจะไม่กระเด็นค่ะ 2. เติมน้ำตาลปี๊บ โดยใส่ไปครึ่งนึงก่อน เติมน้ำต้มสุกอุ่น น้ำต้องไม่ร้อน เพราะจะทำให้พริกสุก จะเสียรสชาติค่ะ คนให้น้ำตาลละลาย 3. เติมน้ำปลา ใส่ครึ่งเดียวก่อน จากนั้นเติมน้ำมะนาว 4. คนให้ได้ที่ ชิมรส ให้ได้รส เปรี้ยว เค็ม หวาน หากขาดรสไหน ให้ค่อยๆ เติมรสนั้นลงไป ทีละน้อย จนได้รสกลมกล่อม 5.

สูตรทำ "พะแนงเนื้อ" หอมกะทิและพริกแกง เผ็ดร้อนครบเครื่อง

รูปภาพ
  ถ้าพูดถึง พะแนงเนื้อ กันแล้วทุกคนน่าจะนึกถึงสูตรโบราณในวังกันใช่ไหม? ด้วยกลิ่นหอมของกะทิและพริกแกง เมื่อไรที่ชิมเข้าไปเราจะสัมผัสได้ถึงรสเผ็ดร้อนครบเครื่องอย่างลงตัว และมักจะตามมาด้วยข้าวเปล่าเพิ่มเสมอ ไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น แม้แต่ชาวต่างชาติเองยังต้องยกนิ้วให้กับเมนูนี้ ในครั้งนี้เราได้นำเอา สูตรทำพะแนงเนื้อ จากคุณ Patcharaporn Unprasert มาให้ทุกคนได้ลองนำไปทำกินดู ใครสนใจอยากลองทำ มาเตรียมของแล้วเข้าครัวกันได้เลยค่ะ วัตถุดิบ 1. เนื้อสันใน 2. น้ำปลา 3. พริกไทยเม็ด 4. กะปิ 5. น้ำตาลปี๊ป 6. ข่า ตะไคร้ 7. หัวหอม 8. กระเทียม 9. ลูกผักชี 10. เมล็ดยี่หร่า 11. พริกแห้ง 12. เกลือป่น 13. กะทิ 14. ใบมะกรูด ผิวมะกรูด 15. ใบโหระพา 16. เครื่องแกงพะแนง วิธีทำ 1. นำเนื้อสันในมาหั่นขนาดพอดีแล้วนำไปรวนกับน้ำปลาเล็กน้อยให้แห้ง เตรียมไว้ 2. คั่วพริกไทยเม็ด ลูกผักชีและยี่หร่าลงโขลกให้ละเอียด แล้วตามด้วยพริกแห้งเกลือป่น ข่า ตะไคร้ผิวมะกรูดและหอมกระเทียมตามลำดับ จบด้วยกะปิและน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย 3. เคี่ยวหางกะทิให้แตกมัน แล้วนำเครื่องแกงลงผัด ใส่เนื้อที่รวนไว้แล้วผัดให้เข้ากันปรุงรสด้วยน้ำปลา ผัดจนกะทิแห

ปาท่องโก๋ สูตรไม่ใช้แอมโมเนีย ทำง่าย อร่อยมาก

รูปภาพ
  ปาท่องโก๋ เมนูยอดฮิตสำหรับทานตอนเช้าๆ ยิ่งได้ทานกับเครื่องดื่มร้อนๆ อย่างน้ำเต้าหู้ หรือกาแฟ ก็ยิ่งทำให้อร่อยคูณสองเข้าไปอีก แต่การจะหาร้านปาท่องโก๋อร่อยๆ ไม่อมน้ำมันและรสชาติถูกปากนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราจึงนำวิธีการทำปาท่องโก๋ฉบับทำเองที่บ้านแบบง่ายๆ และไม่ใช้แอมโมเนีย โดยคุณป้ามารายห์ มาแจกให้เก็บไว้เป็นอีกหนึ่งเมนูประจำบ้านกันค่ะ รับรองเลยว่าทำตามขั้นตอนนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนผสม 1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 550 กรัม 2. น้ำตาลทราย 40 กรัม 3. ยีสต์ 2 ช้อนชา 4. เบกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา 5. คอฟฟี่เมด หรือนมผง 40 กรัม 6. เกลือป่น 2 ช.ช. 7. น้ำอุ่น 350  กรัม 8. ผงฟู 2 ช้อนชา 9. น้ำมันพืช 3  ช้อนโต๊ะ 10.น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ 1. เริ่มขั้นตอนแรกโดยการผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น น้ำอุ่น น้ำมันพืช แล้วคนให้ละลายเข้ากัน 2. นำแป้งสาลีเอนกประสงค์ คอฟฟี่เมตหรือจะใช้เป็นนมผงแทนก็ได้ ผงฟู เบกกิ้งโซดา คนให้เข้ากันแล้วนำไปร่อน 3. ใส่ยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน  แล้วทำหลุมตรงกลาง  เทน้ำที่เราผสมไว้ (ข้อ1) ลงไป นวดให้เข้ากัน 4. พักแป้งทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. 5. หลังจากพักแป้งรอบแรก ให้นำแป้งมากลับจากด้านล่างขึ้นด