สูตรอาหาร เมนูอาหาร

  ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่โชคดีมาก ที่มีผลไม้ขายทั่วไปตามท้องถนน หาซื้อได้ง่าย และราคาไม่แพง ยิ่งถ้าเป็นผลไม้รถเข็น ทั้งสะดวก ทั้งรวดเร็ว ไม่ต้องซื้อทานปริมาณเยอะๆ แล้วทานไม่หมด หรือไม่ต้องนั่งปอกเปลือก แกะเปลือกเอง แต่หากเลือกไม่ดีอาจทำลายสุขภาพได้โดยไม่รู้ตัวเรามีวิธีเลือกผลไม้รถเข็นอย่างปลอดภัยมาฝากค่ะ 1. สังเกตรถเข็นก่อน สิ่งที่บรรจุผลไม้เอาไว้ก็คือ รถเข็น ตัวรถเข็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในรถเข็นที่ใส่ผลไม้เอาไว้ ต้องสะอาด ไม่มีสิ่งแปลกปลอม กระจกไม่มีรอบแตกร้าว น้ำแข็งไม่ดำสกปรก และต้องไม่มีราขึ้นไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของรถเข็น 2. สังเกตอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะมีด ที่ใส่ผลไม้ ถุงพลาสติก ถังน้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ ผู้ค้าขายต้องใส่ใจในความสะอาดพอสมควร อาจจะไม่มีทางสะอาดได้ 100% แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ใช้ของซ้ำ นานจนเกินไป โดยไม่ผ่านการทำความสะอาด โดยเฉพาะถังน้ำล้างผลไม้ และมีด ต้องไม่สกปรกจนเกินไป หรือแม้กระทั่งการใส่ถุงมือหยิบผลไม้ แล้วหยิบธนบัตรจากมือเราไปด้วย แบบนี้ก็ไม่ถือว่าสะอาดสักทีเดียว 3. หลีกเลี่ยงผลไม้ประเภท หมัก ดอง ผลไม้ประเภทนี้หากไม่ทำการหมักหรือดองเอง อาจจะได้รับสารต่างๆ ที่อาจเกิดอั

  เวลาที่เราซื้อของกินมา เราก็มักที่จะเก็บแช่ยัดๆ ตรงไหนว่างก็ยัดเอาไว้ตรงนั้นเอาอันนี้มาไว้ช่องนั้น เอาอันนั้นมาไว้ช่องนี้ วางมั่วไปหมด ยัดๆนานเข้าของที่ซื้อมากับบูดเน่าเสียกินไม่ได้แต่รู้หรือไม่ว่าการวางของในตู้เย็นควรวางให้ถูกตำแหน่งเหมือนกันนะ จะช่วยถนมอาหาร แถมทำให้เราหาของในหมวดหมู่ที่เราอยากจะกินได้ง่ายอีกด้วย แถมแอบประหยัดพลังงานอีกด้วยนะ วันนี้  gangbeauty  เลยมีทริคการวาง ของในตู้เย็นมากฝาก กับ 6 ตำแหน่งในตู้เย็น ควรแช่อะไรดี แม่บ้านควรรู้!! 1. ช่องฟรีซ อาหารที่เหมาะกับการแช่ในช่องฟรีซ ได้แก่ อาหารประเภทที่ต้องแช่แข็งหรืออยู่ในรูปของอาหารแช่แข็งมาอยู่แล้ว อย่างเช่น น้ำแข็ง ผลไม้แช่แข็ง เนื้อสด น้ำซุป หรืออาหารที่ต้องการเก็บไว้กินนานๆ  ส่วนของที่ไม่แนะนำให้แช่ไว้ในช่องฟรีซก็คือ ภาชนะที่เป็นแก้วหรือของแตกง่าย ภาพจาก    pixabay.com 2. ชั้นวางหลังประตู เนื่องจากเป็นส่วนที่อุ่นที่สุดของตู้เย็น ฉะนั้นอาหารที่เหมาะจะนำมาเก็บไว้ในบริเวณนี้ ควรเป็นอาหารประเภทที่ไม่เน่าบูดง่าย อย่างเช่น เครื่องปรุง น้ำผลไม้นานาชนิด หรืออาหารอื่นๆที่สามารถเก็บไว้ในบริเวณที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้ง่ายแบบน

   หลายครั้งที่เปิดดูสูตรอาหารตามอินเทอร์เน็ต แต่ทำตามไม่ได้เพราะวัตถุดิบไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของซอสปรุงรสสีดำอย่างเช่นซีอิ๊วดำ เฉพาะของยี่ห้อเก่าแก่อย่างเด็กสมบูรณ์ ก็มีเยอะหลายสูตรไปหมด แล้วทีนี้จะต้องซื้อสูตรไหนกันดีล่ะ  Gangbeauty  เตรียมข้อมูลต่างๆ มาช่วยเธอแล้วล่ะ ไม่ว่าจะนำไปปรุงอาหาร หรือราดบนไอศกรีมตามที่ดังในโซเชียลก็ไม่มีผิดสูตรแน่นอน! สูตร 1           ซีอิ๊วดำที่คนส่วนใหญ่จดจำรสชาติได้เป็นอย่างดีคือเจ้าสูตร 1 นี่ล่ะ สูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถนำมาราดบนไอศกรีมได้เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น กลิ่นหอม รสชาติออกเค็มออกหวานผสมกัน เพิ่มได้ทั้งรสชาติและสีสันให้กับอาหาร เหมาะมากถ้าจะเอาไปผัด ทอด หรือจิ้มพวกเป็ดปักกิ่ง หมูหัน เป็นต้น ฉลากส้ม           แม้จะเกิดมาชื่อซีอิ๊วดำเหมือนกัน แต่กลับรสชาติตรงกันข้ามกับสูตร 1 อย่างสิ้นเชิง ฉลากส้มเป็นสูตรที่ขายดีที่สุดของเด็กสมบูรณ์เพราะรสชาติออกเค็มเปรี้ยว ใช้ปรุงอาหารประเภทผัด ทอดจะได้รสชาติเข้มข้นและสีสันสวยงาม หรือถ้านำไปจิ้มก็เช่น กุยช่าย ข้าวหมูแดง เป็นต้น ฉลากเหลือง           ซีอิ๊วดำฉลากเหลืองนั้น รสชาติจะออกหวานกว่าฉลากส้มนิยมนำไปปรุ

  เมนูกุ้งอบวุ้นเส้น เป็นเมนูโปรดของหลายครอบครัว เพราะมีรสชาติที่อร่อย หอมเครื่องเทศ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ทานแล้วไม่อ้วนอีกด้วย วันนี้เราได้นำสูตรการทำง่ายๆ อร่อยมากอีกด้วย ที่สำคัญสามารถทำได้ในหม้อหุงข้าวของเรา มีรสชาติไม่แพ้ตามร้านอาหารแน่นอน วัตถุดิบที่ต้องเตรียม มีดังนี้ 1. วุ้นเส้น (ห่อเล็ก) 2. กุ้ง(แกะเปลือกผ่าหลัง) 3. เบคอน 4. i-chef อบหม้อดิน 5. ขึ้นฉ่าย 6. เกล็ดพริกไทยดำ (เกลือไม่เกี่ยวนะคะ) ขั้นตอนการทำกุ้งอบวุ้นเส้นในหม้อหุงข้าว 1. ในซอง i-chef จะมีให้สองซอง เป็นซองซอสและซองพริกไทยดำ 2. แช่วุ้นเส้นให้นิ่มแล้วนำมาคลุกกับซอสที่เขาให้มา (วุ้นเส้นห่อเล็กต่อหนึ่งซองกำลังพอดีค่ะ) เสียบหม้อหุงข้าวแล้ววางเบคอนเรียงลงไปก้นหม้อ (ใครอยากเปลี่ยนเบคอนเป็นอย่างอื่น ตามใจชอบเลยนะคะ) 3. เทวุ้นเส้นที่คลุกไว้ตามลงไป เทพริกไทยดำลงไป (ควรทุบก่อนนะ เพื่อรสชาติและกลิ่นที่หอม) 4. วางกุ้งแล้วโรยด้วยเกล็ดพริกไทยดำ (ซื้อมาจากโลตัส) 5. จากนั้นก็ปิดฝาทิ้งไว้ไม่ถึงสิบนาที (ตอนทำลืมจับเวลาค่ะ แต่น่าจะประมาณนี้) แล้วเปิดฝา โรยขึ้นฉ่าย 6. ปิดฝาต่ออีกสักสองนาที สำเร็จ ตักใส่จาน พร้อมเสริฟ์รสชาติดีเยี่ยม เพ

  วันนี้เรามีสูตรมาแจกทุกคนกัน จะเป็นอย่างไรตามมาดูกันเลยค่ะ ส่วนผสมที่ต้องเตรียม 1. สะโพกไก่หรือหมูสับ 2. แผ่นเกี๊ยวซ่า 3. กระเทียม/รากผักชี/เม็ดพริกไทย 4. น้ำมันหอย/ซีอิ๊วขาว/น้ำมันงา/น้ำตาล 5. แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด เล็กน้อย 6. ต้นหอมหรือกุ๊ยช่ายซอย (ไม่ใส่ก็ได้) 7. น้ำเปล่า ขั้นตอนการทำ 1. โขลกกระเทียม/รากผักชี/เม็ดพริกไทย ให้ละเอียด พักไว้ 2. นำส่วนผสม(ข้อ1)ไปผสมกับไก่(หมู)สับ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย/ซีอิ๊วขาว/น้ำมันงา/น้ำตาล/แป้งมัน นวดให้เข้ากัน โรยต้นหอมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย1ชม.หรือทั้งคืน 3. นำไก่(หมู)สับที่หมักได้ที่แล้วมาห่อกับแผ่นเกี๊ยว 4. นำไปนึ่งในน้ำเดือด ให้พรมน้ำลงบนตัวเกี๊ยวด้วย แป้งจะได้ไม่กระด้าง นึ่งประมาณ10นาทีหรือจนสุก 5. เสริฟพร้อมผักสดและซอสพริกผสมน้ำจิ้มไก่ หรือซอสเปรี้ยว ตามชอบเลยจ้าาาา โอโห้ยยย น่าทานมากๆ วันหยุดนี้ใครที่อยากได้เมนูอาหารว่างไปทำทานกันในครอบครัวก็ลองเมนูเกี๊ยวนึ่งสูตรนี้กันได้นะคะ รับลองว่าใครได้ชิมก็ต้องติดใจแน่ๆ อร่อยไส้แน่นๆ เห็นแล้วน้ำลายหกเลยละจ้า

  สวัสดีค่ะ สาวๆ GangBeauty วันนี้เรามีเมนูขนมหวานยอดฮิต รวมมิตรลอดช่องสิงคโปร์ ขนมหวานที่มีรสชาติหวานหอมอร่อย กินแล้วชื่นใจ เหมาะกับอากาศร้อนๆ ช่วงนี้เลยค่ะ วิธีการทำรวมมิตรลอดช่องสิงคโปร์ไม่ยุ่งยาก ตามมาดูกันได้เลยค่ะ ส่วนผสม 1. แป้งมันสำปะหลัง 1 ถุง (ถุงเล็ก) 2. น้ำต้มเดือด (ใส่ภาชนะตั้งไฟให้เดือดหรือใช้น้ำร้อนในกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน) 3. น้ำตาลทราย 500 กรัม 4. น้ำกะทิ 600 กรัม 5. นมข้นจืด 1 กระป๋อง 6. เกลือป่น 2 ช้อนชา 7. ขนุนสุก 300 กรัม 8. สีดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ 9. สีของใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ 10. ใบเตย 3-5 ใบ 11. น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำเชื่อม 500 กรัม 12. น้ำแข็งบด วิธีทำตัวลอดช่อง 1.แบ่งแป้งมันออกไว้ 1 ถ้วยตวงแล้วนำส่วนที่เหลือใส่ภาชนะเทน้ำร้อนใส่ลงในแป้งทีละน้อยแล้วค่อยๆนวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน จากนั้นแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆปิดคลุมแป้งไว้ 2.นำแป้งส่วนที่ 1 มาผสมกับสีดอกอัญชันที่คั้นน้ำเอาไว้แล้วนวดให้เนื้อแป้งเนียน โดยใช้แป้งมันส่วนที่แบ่งไว้แตะที่มือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ เมื่อนวดจนแป้งเนียนแล้วจะได้เนื้อแป้งสีม่วงอ่อนๆ แล้วนำแป้งส่วนที่เหลืออีก 2

  อากาศร้อนๆ แบบนี้ Gangbeauty มีเมนูไอติมกะทิสดมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ ให้คลายร้อน สูตรไอติมกะทิสดนี้เป็นของ มนุษย์ลุงคาเฟ่ Manud Lung Cafe สมาชิกพันทิปดอทคอม เป็นสูตรไอติมกะทิที่ทำได้ง่ายมากๆ และอร่อยด้วย ส่วนผสมแค่ 3 อย่างเท่านั้น ไปดูส่วนผสมและวิธีการทำกันได้เลยค่ะ ส่วนผสม 1. หัวกะทิ 500 กรัม 2. น้ำตาลทราย 120 กรัม (ไม่ชอบหวานลดได้เหลือ 100 กรัม) 3. แป้งข้าวโพด 17 กรัม วิธีทำ 1. นำกะทิส่วนนึงเทลงไปในแป้งข้าวโพดแล้วคนให้แป้งละลายจนเข้ากันดี 2. เทกะทิส่วนที่เหลือลงไปในหม้อ(ยังไม่ต้องตั้งไฟ) 3. เทน้ำตาลทรายลงไป 4. เทแป้งข้าวโพดที่ละลายไว้ลงไป 5. คนให้เข้ากันเล็กน้อย แล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ 6. คนตลอดเวลาจนน้ำตาลละลายและแป้งสุก ต้องคนตลอดเวลาและห้ามใช้ไฟแรง เพราะอาจจะทำให้กะทิแตกมันได้ ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาที ให้สังเกตว่าส่วนผสมจะข้นขึ้น แสดงว่าแป้งสุกแล้ว 7. ยกลงจากเตาแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท เมื่อเย็นสนิทแล้วก็เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซประมาณ 6 ชั่วโมง 8. ครบ 6 ชั่วโมงแล้ว ให้เอาออกมา ไอศครีมจะเริ่มเซ็ตตัวได้เนื้อประมาณในภาพ 9. ต่อมาให้นำไอศครีมไปปั่นเพื่อทำให้เนื้อเนียนขึ้น 1

  ชวนสาวๆมาเข้าครัวกันอีกครั้ง เพราะไม่ว่ายุคสมัยไหน เสน่ห์ปลายจวักก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงพึงมี นอกจากจะใช้มัดใจสามีได้เเล้ว ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเเบบนี้ การทำอาหารกินเอง ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ดีไม่ดีสามารถทำขายเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วย วันนี้เรามีสูตรจากคุณ Fillerneck สมาชิกจากเว็บ จะมาเเจกฟรี สูตรทำข้าวผัดปูรสเด็ด รับรองว่าอร่อยไม่เเพ้ร้านดังเเน่นอน ทำยังไงไปดูพร้อมกันเลย ส่วนผสม 1.    ข้าว 1 ถ้วยสำหรับ 1 ท่าน 2.    ต้นหอมซอย 3.    กระเทียม  2-3 กลีบ 4.    น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 5.    ซีอิ๊วขาว  1 ช้อนโต๊ะ 6.    น้ำตาล  1/2 ช้อนโต๊ะ 7.    พริกไทย 8.    ไข่ปู  1 ตัว วิธีทำ 1.    เตรียมพริกน้ำปลามะนาว  ชิมรสตามชอบใจ  น้ำตาลใส่หลังสุด 2.    เตรียมข้าวสำหรับ 1 ที่ ไว้สำหรับผัด 3.    ตั้งไฟร้อน ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียม 4.    ใส่ไข่ไก่ตามลงไปให้ฟู ฟูให้เหมือนตอนทอดไข่ดาว  แล้วยีให้แตก  ก่อนสุกสัก 80 เปอร์เซ็นต์  แล้วตามด้วยข้าวสวย  ใส่ส่วนผสม ซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำปลา ลงไป ตอนเติมเครื่องปรุง หรี่ไฟเบาสุด เท่านี้ก็พร้อมเสริ์ฟได้เเล้วค่ะ ลองไปทำตามกันดูนะคะสาวๆ

  วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำเมนูอาหารไทย เมนูยอดฮิตที่หลายคนหลงใหลในรสชาติอย่าง "แกงเผ็ดเป็ดย่าง" เป็นการผสมผสานที่ค่อยข้างลงตัวมากๆสำหรับเครื่องแกง กระทิ และ เนื้อเป็ดย่างนุ่มๆ และความหอมของเครื่องเทศที่เย้ายวนชวนให้น้ำลายไหล วันนี้เราได้เตรียมสูตร วัตถุดิบ และขั้นตอนในการทำมาให้ทุกคนได้ลองทำกันที่บ้าน ซึ่งมันไม่ได้ยุ่งยากเลย เอาเป็นว่าเราไปดูและไปลงมือทำพร้อมๆกันเลยจ้า ส่วนผสม เป็ดย่างหั่นชิ้น 300 กรัม น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศราชินี 50 กรัม องุ่นไร้เมล็ด 50 กรัม สับปะรดคว้านเป็นลูกเล็ก 100 กรัม มะเขือพวง 50 กรัม น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง หางกะทิ 2 ถ้วยตวง พริกชี้ฟ้าสีแดง สีเหลือง หั่นแฉลบอย่างละ 1 เม็ด ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ ใบโหระพา 1/2 ถ้วยตวง น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงผัด ค่อยๆ ใส่หัวกะทิผัดจนน้ำพริกสุกหอม ตักใส่หม้อ เติมหางกะทิคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน 2. พอเดือดใส่เป็ดย่าง ใบมะกรูด เดือดอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ 3. ใส่มะเขือเทศ องุ่น สับปะรด เคี่ยวสักครู่ ชิมรสให้กลม

  สูตรผัดไทยโบราณ รสชาติเข้มข้น เส้นเหนียวนุ่ม ปลอดผงชูรส วันนี้เรามีเมนูอาหารจานเดียวยอดนิยม หรือเรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติเลยก็ว่าได้ คนต่างชาตินั้นเวลามาเที่ยวเมืองไทยก็จะนึกถึงต้มยำกุ้งหรือไม่ก็ผัดไทยนี่หละค่ะ แต่การจะหาผัดไทยที่อร่อยๆเครื่องถึงนั้นก็หาได้ยาก บางร้านก็ผัดแบบเน้นเส้นจนมองไม่เห็นเครื่อง บางร้านก็ผัดไม่พอดี แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดถ้าเรามาผัดทานเอง ซึ่งวิธีและขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เดียวเรามาทำไปพร้อมกันเลยค่ะ ส่วนผสม ​​ - ​ซอสผัดไทย - เส้นเล็ก(หรือเส้นจันท์) แช่น้ำจนนิ่ม - ​​ถั่วงอกดิบ - กุ่ยช่ายหรือ ต้นหอม(ส่วนตัวคนทำชอบต้นหอมคร้า) -ไข่เป็ด1 ฟอง - ​​น้ำมัน(สำหรับผัด) - ​​ถั่วลิสงคั่วบด (ตามชอบ) - หอมแดงทุบ - พริกคั่วบด ​​ ​​ ส่วนผสม ซอสผัดไทย - ​น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ - ​น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - ​เต้าเจี้ยว(สูตรเด็ด)1ช้อนโต๊ะ ป.ล. ชิมๆเอาตามความชอบของแต่ละคนนะคะ วิธีทำซอสผัดไทย ​​ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และเต้าเจี้ยวเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟพอร้อนและน้ำตาลปี๊บละลายเตรียมไว้ (ถ้าต้องการเก็บไว้หลายวันให้รอจนเดือดแล้วเก็บใส่ภาชนะที