สูตรอาหาร เมนูอาหาร

  ก่อนหน้านี้ยังพอมีอากาศเย็นมาให้ชื่นใจ แต่อยู่ได้แค่ 3 วันก็ไปซะแล้ว ห้องนอนที่เคยนอนสบาย ไร้เสียงเครื่องปรับอากาศ ประหยัดค่าแอร์ได้ไม่กี่วันก็ต้องเปิดใช้งานอีกแล้ว  Gangbeauty  มีวิธีช่วย ในฐานะที่เราเป็นคนไทย และประเทศไทยก็ไม่สามารถย้ายดวงอาทิตย์ให้ออกไปไกลกว่านี้ได้ ดังนั้นจึงต้องปรับตัวกันบ้าง และถ้าสมมติเธอเอาวิธีพวกนี้ไปใช้ในห้องนอนนะ ขอบอกว่าเย็นสบาย ความร้อนที่ทำให้เธอนอนไม่ค่อยหลับจะหายไปในทันที! 1. ใช้ชุดเครื่่องนอนผ้าคอตตอน ส่วนใหญ่เวลาเธอเลือกผ้าปูที่นอนหรือชุดเครื่องนอนต่างๆ ยอมรับเถอะว่าสนใจแต่สีแล้วก็ลายผ้า อาจจะมีเรื่องราคาด้วยบ้างนิดนึง แต่เธอรู้มั้ยว่าผ้าแต่ละชนิด คุณสมบัติมันก็ต่างกันนะ จากผ้าหนานุ่มที่เธอคิดว่ามันนอนสบาย นุ่มร่างกาย ลองเปลี่ยนทุกอย่างเลยบนเตียง ให้เป็นผ้าคอตตอนที่เบาสบายและถ่ายเทอากาศได้ดี น่าจะเวิร์กกว่าจ้ะ 2. ดื่มน้ำก่อนนอน           ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากับไอ้แค่การดื่มน้ำสักแก้วก่อนเข้านอนน่ะ มันช่วยทำให้นอนหลับฝันดีไปทั้งคืนได้จริงๆ เพราะน้ำจะเข้าไปลดอุณหภูมิภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายภายในเย็นลง ซึ่งเธอไม่ต้องกังวลเลยนะว่าจะทำให้เธอต้องตื่นขึ

  อาการสะอึกถือเป็นเรื่องที่สร้างความรำคาญใจให้ใครหลายๆคน ทั้งตัวของผู้ที่สะอึกเอง รวมไปถึงคนรอบข้าง ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วรอสักพักอาการสะอึกก็จะหายไปเอง แต่หากเกิดอาการสะอึกในช่วงเวลาสำคัญ เช่น คุยงานกับลูกค้า อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ เราก็คงอยากรีบหายจากอาการสะอึกให้เร็วที่สุด วันนี้  GangBeauty  มี 10 กลยุทธ์ที่จะทำให้หายสะอึกแบบเร่งด่วน มาฝากกันค่ะ ก่อนอื่นเรามารู้กันก่อนว่าอาการสะอึกเกิดจากสาเหตุอะไร? จริงๆแล้วอาการสะอึกเกิดจากการระคายเคืองที่บริเวณกระเพาะอาหาร ทำให้เส้นประสาทถูกกระตุ้นให้ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้กระบังลมหรือกล้ามเนื้อที่กั้นกลางระหว่างช่องอก กับช่องท้อง มีการหดเกร็งเป็นจังหวะ กล้ามเนื้อซี่โครงได้รับผลกระเทือนให้เกิดจากหดเกร็งตัวในลักษณะเดียวกันนั่นเองค่ะ นอกจากนี้อาการสะอึกอาจเกิดได้จากสาเหตุของความเจ็บป่วยอื่นๆทางร่างกาย เช่น ความผิดปกติของคอ หน้าอก ช่องท้อง หรือเกิดจากอารมณืที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความตกใจ หรือความเครียด จะทำอย่างไรให้หายสะอึก? 1. จิบน้ำจากแก้วเร็วๆ หรือจิบน้ำมะนาว 2. ก้มตัวดื่มน้ำจากขอบแก้ว จากด้านตรงข้าม หรือด้านที่อยู่ไกลจากริมฝีปาก 3. เคี้ยวขนมปังแห้ง 4. ล

  ถามว่าอากาศช่วงนี้ร้อนไหม ตอบได้เลยว่า ไหม้! อากาศร้อนสะขนาดนี้ ทำให้ใครๆ ก็อยากอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ กันทั้งนั้นใช่ไหม? แต่รู้ตัวมั้ยว่า ยิ่งเราอยู่ในห้องแอร์นานเท่าไร โดยเฉพาะในห้องแอร์ที่ไม่สะอาด และไม่เคยล้างแอร์เลย ทำให้สุขภาพของเราแย่ลงได้ งั้นมาดู 10 โรคในห้องแอร์ กันดีกว่า ว่ามันร้ายกว่าความร้อนข้างนอกรึเปล่า ไปหาคำตอบกันเลย 10 โรคในห้องแอร์ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน 1. โรคทางเดินหายใจ ในโพรงจมูกของคนเรามีเส้นเลือดแดงขนาดเล็กจำนวนมาก เส้นเลือดเหล่านี้ จะทำหน้าที่ปรับอากาศที่เย็นหรือแห้งจากภายนอก ให้ความอบอุ่น และความชื้น เหมาะสมกับร่างกาย แต่ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เซลล์ต่างๆ เช่น เซลล์เยื่อบุโพรงจมูก คอ หลอดลม จะแห้งลงกว่าเดิม ทำให้ไม่มีเมือกมาป้องกันเซลล์จากเชื้อโรค เมื่อรวมเข้ากับการอยู่ในพื้นที่ปิด และไม่มีอากาศถ่ายเทอย่างห้องแอร์ จึงอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจเกิดความผิดปกติได้ เช่น เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูก หรือทางเดินหายใจอักเสบ 2. โรคจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา เช่น วัณโรค อีสุกอีใส หืดหอบ ปอดบวม หรือหัดเยอรมัน ซึ

  นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แม้แต่คนไทยเองก็ยังตลก กับการมีขนม มีอาหารที่มีชื่อเป็นต่างประเทศ! แต่พอไปประเทศนั้นจริงๆ ดันไม่เห็นเคยเจอขนมแบบที่บ้านเราตั้งชื่อเหมือนเค้าสักอย่าง  Gangbeauty  เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังข้องใจ ฟังคนนั้นเล่ามา คนนี้เล่ามาบางทีก็มีลืมไปบ้าง เอาล่ะเรามาไขข้องใจกันดีกว่า ว่าทำไมมันถึงชื่อแบบนี้กันนะ! 1. ลอดช่องสิงคโปร์ อย่างแรกคือขนมไทย เส้นสีเขียว ราดกะทิ โรยน้ำแข็ง หอมเย็นชื่นใจ เรียกสั้นๆ ก็ลอดช่อง ซึ่งเจ้าลอดช่องเนี่ย จริงๆ แล้วก็เป็นขนมพื้นบ้านที่กินกันทั่วทั้งแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่ล่ะ และเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินโดนีเซีย แต่ความแปลกคือในบ้านเรา มีลอดช่องสิงคโปร์ได้ไง! ความจริงแล้ว คำว่า "สิงคโปร์" นี้ไม่ได้หมายถึงประเทศสิงคโปร์หรอก แต่มันมาจากชื่อร้าน "สิงคโปร์โภชนา" ที่คิดค้นขึ้นในช่วงปี 2504 ขายหน้าบริเวณโรงภาพยนตร์สิงคโปร์ บนถนนเยาวราชนั่นเอง 2. ขนมโตเกียว แพนเค้กสุดกรอบ ไส้เค็ม ไส้หวาน ไส้ไข่ ไส้รวมมิตรที่เข็นขายในบ้านเรากันให้เกลื่อนกลาด และเป็นขนมขวัญใจเด็กไทยแทบจะทุกโรงเรียน ต้นกำเนิดของมันไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไหร่ แต่เชื่อกั

  ทุกคนพยายามที่จะรักษาบ้านของตนให้สะอาดและถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่ร่างกายของเราเสี่ยงต่อแบคทีเรียมากที่สุด น้ำยาทำความสะอาดและสารฆ่าเชื้อโรคไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อทำร้ายสุขภาพ ดังนั้นจึงควรหาทางเลือกใหม่ที่ไม่ทำร้ายสุขภาพและช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆมาฝาก เคล็ดลับเกี่ยวกับทำอย่างไร ให้ห้องน้ำสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยการใช้น้ำส้มสายชู ทำความสะอาดสิ่งสกปรกภายนอกและฆ่าเชื้อโรคด้วย ส่วนผสมที่ต้องการ ใส่น้ำส้มสายชู 9% จากนั้นใส่เบกกี้โซดาและสารละลายไอโอดีน อย่างละ 0.5% ถ้าใส่โซดาจะได้ประสิทธิผลที่มากขึ้น: อุ่นแก้วให้มีอุณหภูมิ 40 ? C จากนั้นเติมน้ำส้มสายชู 200 กรัม (7 ออนซ์) ต่อด้วยใส่โซดา (หรือไอโอดีน) 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าคุณใช้ไอโอดีนสัดส่วนคือ 1: 1 เทส่วนผสม ลงในโถส้วมทิ้งไว้หลายชั่วโมง ทางที่ดีควรเทลงไปโถงส้วมในตอนเย็นหรือตอนดึกก่อนนอน เพื่อให้ส่วนผสมนี้อยู่ในโถส้วมได้นานที่สุด เพื่อให้มันทำความสะอาดตลอดทั้งคืน หากไม่ใช้โซดา: ล้างถังน้ำของชักโครก ปิดก๊อกน้ำเอาน้ำออกให้หมด เช็ดพื้นผิวภายในของถังด้วยผ้าแห้ง จากนั้นใช้ผ้าแห้งชุบน้ำส้มสายชูเช็ดบริเวณพื้น

  หากเราเป็นไข้ ปวดหัว ปวดท้อง ปวดเนื้อปวดตัว ตามประสาคนไทยก็คงนึกถึงแต่พาราเซตามอลขนาด 500 mg. แต่เธอรู้มั้ยว่าเจ้ายาพาราชนิดนี้  "มีผลเสียต่อตับมากกว่าผลดี"  ในต่างประเทศเลยรณรงค์ไม่กินยาพาราพร่ำเพรื่อกันแล้วนะ แต่เราคนไทยก็ไม่ต้องคิดเยอะว่าถ้าไม่มีพาราแล้วต่อไปจะกินอะไรแก้ปวดได้  Gangbeauty  มีความรู้จากเพจ สมุนไพรหมอศุภ ที่ได้เผยว่า  "ยาเขียว"  บ้านเรานี่แหละ ทดแทนยาพาราได้แน่นอน          โดยสรรพคุณดั้งเดิมของยาเขียวนั้น แก้ได้ตั้งแต่เป็นไข้ ร้อนใน ง่ายๆว่าถ้ารู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ ตากฝน เพลียแดด ปวดหัวตึ้บๆ สามารถกินยาเขียวได้เลย ซองละ 5 บาทเท่านั้น แถมยังช่วยบำรุงตับ บำรุงร่างกาย ไม่สร้างผลเสียเหมือนยาทั่วไปที่เรากินกันอยู่ทุกวันล้านเปอร์เซ็นต์          ทางเพจ สมุนไพรหมอศุภ ยังบอกเคล็ดลับการแก้คัดจมูกมาด้วย วิธีง่ายๆ บ้านๆ คนเฒ่าคนแก่ใช้มานานนมนั่นก็คือการทุบหอมแดง 2-3 หัว ใส่แก้ว เติมน้ำร้อน แล้วเอามาดมแทนการกินยา จมูกโล่งเฉยเลย! ของไทยก็มีดี อย่ามองกันไปไกล!

  ฉันเพิ่งเข้าใจ?หลายปีมานี้ ฉันเริ่มรู้สึกกลัว เพราะยิ่งฉันอายุมากขึ้น ญาติๆก็จากไปทีละคนสองคน สิ่งนี้บอกกับฉันว่า "ชีวิตเป็นอนิจจัง" ฉันเริ่มคิดได้ ฉันปล่อยให้สิ่งที่ต่างๆเป็นไปตามปัจจัย ได้มาก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หลายปีมานี้ การดำเนินชีวิตบอกกับฉันว่า "จิตให้ร้ายผู้อื่นไม่ควรมี จิตปกป้องตนเองไม่ควรหายไป" การดำเนินชีวิตยังบอกกับฉันอีกว่า "นอกเสียจากคนในครอบครัว อย่าไว้ใจคนอื่นให้มากนัก" หลายปีมานี้ ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรดีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนที่ดีต่อฉัน ฉันเข้าใจแล้วว่า วันเวลาอาจไม่ช่วยให้เราผูกพันกับใคร แต่มันช่วยให้เราเข้าใจใครๆมากยิ่งขึ้น ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า นอกเสียจากพ่อและแม่ ก็ไม่เห็นมีใครที่จะให้อภัยฉันได้เหมือนท่านทั้งสองคน หลายปีมานี้ ฉันเปลี่ยนไป ความทุกข์ที่ฉันพานพบทำให้ฉันแกร่งมากยิ่งขึ้น ยิ่งมาฉันยิ่งเหมือนต้นกระบองเพชร โยนลงไปที่ไหนก็มีชีวิตได้ในทุกที่ ความทุกข์ทำให้ฉันรู้จักเอาชีวิตรอดมาได้ ฉันยกระดับจิตได้มากยิ่งขึ้น ต่อเรื่องราวต่างๆที่ไม่ถูกตาถูกใจ ฉันสามารถเห็นแต่ไม่ใส่ใจได้อย่างสบายๆ หลายปีมานี้ โลกใบนี้บอกกับฉันว่า ต่อให้ฉันผอม หุ่นดี ท

  ขนมจีบสมัยนี้มันแหม่ หาร้านถูกใจยากเนอะ บางทีอยากได้ลูกที่มันเบิ้ม เนื้อแน่น น้ำจิ้มอร่อยๆ จะซื้อมาเอาใจแฟนนี่มันพูดยาก ไม่กล้าเสี่ยงซื้อเท่าไหร่ กลัวไม่อร่อยอะ จะชิมก่อนก็ไม่ได้อีก ทำเองกันมะ  Gangbeauty  เลื่อนหน้าเฟสบุ๊คแล้วเจอคุณ หมีมีหม้อ  กับเมนูขนมจีบหมูที่ทำง่ายมาก แค่มีหม้อหุงข้าวก็พอแล้ว ใช้เวลาแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เผื่อจะเป็นไอเดียทำกินเองหรือให้แฟนก็ได้เนาะ ของที่ต้องเตรียมสำหรับขนมจีบ กุ้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 200 กรัม หมูสับ 200 กรัม รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำมันงา น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา แผ่นเกี๊ยวสีๆ แล้วแต่จะซื้อ กระเทียมเจียวไว้แต่งหน้าฮับ ของที่ต้องเตรียมสำหรับน้ำจิ้ม พริกขี้หนูแดงโขลกละเอียด แล้วแต่ใจเธออยากใส่เท่าไหร่ ซีอิ๊วดำ น้ำตาล 4 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 4 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. ให้นำหมูสับมาปั่นเข้ากับเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นกุ้ง ไม่ต้องปั่นรวมนาจา ปั่นหมูกับเครื่องปรุงให้มันเข้ากันเป็นเนื้อเดียวเลยนะ ปั่นเข้าไป ใครไม่มีเครื่องปั่น จะอะแดปใช้ครกมาโขลกเอาก็ได้นะ แต่มันก็จะนานหน่อย ต้องพยายามให้ส่วนผสมมั