สูตรอาหาร เมนูอาหาร

  สวัสดีค่ะวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปทำเมนูปลากันค่ะ ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเข้าครัวทำเมนู "ปลานิลทอดน้ำปลา" และในวันนี้เราจะขอหยิบสูตรการทำปลานิลทอดน้ำปลามาให้เพื่อนๆได้ทำไว้ทานกับที่บ้านกันดูค่ะ เมนูปลานิลทอดน้ำปลานั้นเป็นเมนูที่ทำง่ายอร่อยแถมราคาแพงด้วยนะคะวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปดูสูตรการทำปลานิลทอดน้ำปลาพร้อมๆกันด้านล่างนี้เลยจ้า ส่วนผสมในการทำปลานิลทอดน้ำปลา ปลานิล 1ตัว/น้ำปลาอย่างดี 1กับอีกครึ่งช้อนโต๊ะ/แป้งทอดกรอบ 4 ชต/น้ำมันสำหรับทอด ขั้นตอนการทำปลานิลทอดน้ำปลา 1.ขอดเกล็ดล้างทำความสะอาดปลาแ และแล่เนื้อปลาออกทั้ง2ข้าง นำเฉพาะเนื้อปลาลงกะละมังเติมน้ำปลาคลุกปลาให้ทั่ว แล้วเติมแป้งทอดกรอบคลุกเคล้าแบบเบามือพักไว้ 3.ตั้งน้ำมันไฟกลาง น้ำมันใช้ค่อนค้างเยอะกะเอาพอทั่วมเนื้อปลา น้ำมันร้อนนำปลาลงทอด ทิ้งไว้ซักพักไม่ต้องคน รอเหลืองกรอบ 4.กลับอีกด้านรอบนี้สามารสใช้ตะหลิวและอาจใชะตะเกียบช้วยแยกชิ้นปลาออกจากกันทอดด้วยไฟแรงคนไปเรื่อยๆแบบเบามือพอกรอบตักขึ้นพักไว้ 5.จัดเสริฟ์พร้อมยำมะม่วงหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดหรืออื่นๆตามชอบค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับเมนู ปลานิลทอดน้ำปลาที่หลายคนชอบทานแต่ทำ

  ได้เวลาโชว์เสน่ห์ปายจวักแล้วคุณสาวๆ วันนี้  GangBeauty  ขอนำเสนอเมนู "ทอดมันหมูเด้ง" ทำไม่ยาก รับรองความอร่อยๆ ไปดูกันเลย.. [เครื่องปรุง] 1. เนื้อหมูบดละเอียด 400 กรัม (ละเอียดมากที่สุด ) 2. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนกินข้าว 3. พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนกินข้าวพูนๆ?เพิ่มลดได้ 4. ผงฝู 1 ช้อนชา 5. เกลือ 1/2 ช้อนชา 6. นํ้ามันพืช 1 ช้อนกินข้าว 8. นํ้าเย็นประมาณ 4 ช้อนกินข้าว (ถ้าไม่ใส่เนื้อหมูทอดแล้วแข็ง ) 9. ใบมะกรูด 7-8 ใบ 10. ใบกระเพรา 7-8 ใบ 11. นํ้ามันพืชสำหรับทอด [วิธีทำ] เนื้อหมูแช่เย็นจัดๆนำมาหั่นเล็กๆ ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอืยดสุดๆเลยนะคะ ถ้าไม่ละเอียดทอดมันก็จะไม่เด้ง ใส่นํ้า ใส่นํ้ามันพืช และเกลือ ปั่นต่อไปเรื่อยๆจนกว่าเนื้อหมูจะละเอียด ให้ดูความละเอียดของเนื้อหมูที่บดได้ เมื่อละเอียดดีแล้ว ก็ใส่พริกแกงเผ็ด แล้วปั่นให้พริกแกงเข้ากันกับเนื้อหมู ใส่ผงฟู แล้วปั่นต่อ ให้ผงฟูเข้ากันกับเนื้อหมู ปั่นให้ผงฟูเข้ากันกับเนื้อหมูทั่วๆ แล้วก็ใส่แป้งข้าวโพด ปั่นต่อ ให้ส่วนผสมเข้ากันให้ทั่ว ก็หยุดเครื่องได้ เสร็จแล้วตักออกใส่ชามใบผสม ใส่ใบมะกรูดซอย และใบกระเพราซอย คลุกเคล้าให้ใบมะกรูดและใบกระเพ

  สำหรับใครที่ชอบกินอาหารเกาหลี ยิ่งเป็นไก่ทอดเกาหลี ยิ่งติดใจสุดๆ จนอยากทำทานให้ได้เหมือนดัง ตามมาดูกันเลย วันนี้  GangBeauty  มีเคล็ดลับการทำ "ไก่ทอดราดซอสสไตล์เกาหลี" แบบง่ายเว่อร์ ใครๆทำได้ รับรองว่า อร่อยฟิน ไม่แพ้ร้านดังกันเลยทีเดียว โดยเป็นสูตรจาก thicharhyme ที่สอนวิธีทำไก่ทอดเกาหลี ให้ได้ของรสชาติอร่อยแบบครบรส ชนิดที่ว่า ถ้าอยากกินต้องทำทานเอง ไม่จำเป็นต้องง้อร้านดังอีกต่อไปเลยจ้า จะมีขั้นตอนการทำแบบไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย ส่วนผสม - น่องไก่และปีกไก่ 1 กิโลกรัม - เกลือป่น - พริกไทยป่น - ผงกระเทียมป่น (ใส่กระเทียมสับก็ได้) - ไข่ไก่ 1 ฟอง - แป้งชุบทอด 1/2 ถ้วย - แป้งมัน (ใช้แป้งข้าวโพดแทนได้) 1/2 ถ้วย - ผงฟู 1 ช้อนชา - น้ำมันพืช ส่วนผสมซอสคลุกไก่ - กระเทียม 3-4 กลีบ - ซอสมะเขือเทศ 1/3 ถ้วย - โคชูจัง 1/4 ถ้วย - น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำส้มสายชู ครึ่งช้อน - งาขาว ขั้นตอน 1. ล้างทำความสะอาดไก่ 2. ใส่เกลือป่น พริกไทยป่น กระเทียมป่น ลงไปคลุกเข้ากับเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้15-30นาที 3. ระหว่างรอหมักไก่มาทำซอส โดยสับกระเทียมให้ละเอียด แล้วนำไปเจียวกับน้ำมันในกระทะ ใช้ไฟอ่อนๆ 4. เติมซอ

  แจกสูตรข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก โดยใช้เตาไฟฟ้าทำทานเองได้หอม มัน อร่อย สูตรข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก วิธีทำไม่ยากค่ะ นำข้าวเหนียวมูนและเผือกกวน มาห่อด้วยใบตองแล้วนำไปปิ้ง ข้าวเหนียวมูน 1.ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 2 ถ้วย (แช่น้ำก่อนนึ่ง 4 ชม.) 2.น้ำกะทิ 1ถ้วยครึ่ง 3.น้ำตาลทราย 1/2ถ้วย 4.เกลือป่น 1/3 ชช. 5.ใบเตย 3 ใบ วิธีทำ - นึ่งข้าวเหนียวให้สุก(ใส่ใบเตยลงไปด้วย) - ผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ คนส่วนผสมให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลง ใส่ข้าวเหนียวคนให้เข้ากัน ปิดฝาพักไว้ 15นาที แล้วใช้ทัพพีคนให้ทั่วอีกครั้ง ปิดฝาพักไว้อีก 10นาที ก็ใช้ได้แล้วค่ะ สูตรข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือกและวิธีทำ เผือกกวน 1.เผือกนึ่งบด 3 ถ้วย 2.น้ำกะทิ 1ถ้วย 3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วย 4.เกลือป่นปลายช้อน 5.น้ำเปล่า ½ ถ้วย วิธีทำ ผสมน้ำกะทิ น้ำตาล เกลือ และน้ำเปล่า นำขึ้นตั้งเตา คนให้น้ำตาลละลายหมด ใส่เผือกบดลงไปกวน ใช้ไฟกลางๆ กวนจนเผือกเหนียวได้ที่ ยกลงพักไว้ สูตรข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือกและวิธีทำ เมื่อได้ส่วนผสมทั้งแล้วก็นำมาห่อใบตอง แล้วนำมาปิ้งบนเตาไฟฟ้าหรือใครจะปิ้งด้วยเตาถ่านก็จะใฟ้ให้มีความหอมมากขึ้นคะ ขอบคุณภาพประกอบและ สูตรอาหาร จากคุณ 

  สอนปรุงน้ำปลาร้า ด้วยสูตรปลาร้าหอม ไม่คาว ใส่กับอะไรก็อร่อย ต้มน้ำปลาร้า สำหรับวันนี้เราใช้ปลาร้าโหน่ง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปลาร้าต่วงครับ เป็นสูตรน้ำปลาร้าที่มีความพิเศษ มีความเข้มข้น หอมกลมกล่อม เวลานำมาตำใส่ส้มตำนั้นจะหอมและน่ากินมากๆเลยครับ เรียกได้ว่ามีรสชาติที่อร่อยอีก 1 สูตร ให้เพื่อนๆได้ลองนำไปใช้ในการสร้างเงินแสนกันได้เลยครับ ด้วยวิธีการทำแบบง่ายๆ ใช้วัตถุดิบบ้านๆ หาได้ตามท้องถิ่นทั่วไป บอกแล้วว่านี้สามารถลดต้นทุนในการจ่ายไปได้เยอะเลย และสามารถนำไปประกอบอาชีพขายส้มตำได้เลยครับ ส่วนประกอบที่สำคัญ 1. น้ำปลาร้าโหน่ง 6 กก. 2. ใบกระถิน 1กำมือ 3. ใบเตย1.กำมือ 4. ใบหม่อน 1 กำมือใหญ่ๆ 5. น้ำสะอาด 800 ม.ล. เครื่องปรุง 1. กะปิ 2 กระปุก กระปุกละ 27 กรัม 2. น้ำตาลปี๊บ ครึ่ง กิโล 3. น้ำกระเทียมดอง 1ขวด วิธีการต้ม 1. ใช้เวลาตุ๋น ประมาณ 35-45 นาที จะดีให้ใช้เตาถ่านต้มนะครับและให้น้ำปลาร้าเหลือ 6 ก.ก. เท่าเดิมจะนัวมากขาดเหลืออย่ามากไปครับ 2. การนำมาใช้ตำส้มตำ ใช้ตำ 1-2 กระบวย ต่อ ส้มตำหนึ่งครก แล้วแต่ชอบนัวแค่ไหน ลองชิมตามใจชอบครับ วิเคราะห์ต้นทุนโดยประมาณ 3. ปลาร้าแกง 6 คูณ ก.ก40 ราคา

  สูตรทำขนมชั้นใบเตยสูตรพิเศษแป้งเหนียว นุ่ม ค้างคืนแล้วแป้งไม่คลายตัว แช่เย็นก็ยังอร่อย ขนมชั้นใบเตยสูตรพิเศษแป้งเหนียว นุ่ม ค้างคืนแล้วแป้งไม่คลายตัว แช่เย็นก็ยังอร่อย เข้าไม่โครเวฟอุ่นก็ยังเหมือนเดิม รสชาติพอดีเป๊ะ หอมใบเตยเป็นพิเศษ (บอกเคล็ดลับหมด ไม่มีกั๊ก) อ่าน-และทำความเข้าใจ ก่อนลงมือทำ สูตรไม่ดีจริง ไม่เจ๋งจริง ไม่แจก ทำง่ายแล้วต้องออกมาดีที่สุด ส่วนผสมนี้นึ่งในถาดขนาด 10×10 นิ้ว ส่วนผสม แป้งมัน 500 กรัม หัวกะทิ 500 กรัม หางกะทิ 200 กรัม (ชั่งรวมกันได้) ใบเตยสำหรับปั่น 40 กรัม น้ำที่ปั่นกับใบเตยแล้ว 400 กรัม น้ำตาลทราย 650 กรัม -เคล็ดลับความหอมนุ่มนวลน้ำประมาณ 2 ก.ก. ต้มกับใบเตย 1 กำมือ ปิดฝาหม้อด้วยนะคะ ต้มจนน้ำเหลือครึ่งนึง *ชั่งน้ำต้มเตย 450 กรัม(ทิ้งจนเย็นแล้ว) นำใบเตยที่หั่นไว้ 40 กรัม มาปั่นรวมกัน กรองเอาน้ำใบเตยปั่น 400 กรัม *นำน้ำต้มใบเตยที่เหลือไปคั้นกะทิ ในส่วนของหางกะทิ...เราเอาไปให้ที่ร้านคั้นกะทิคั้นให้ได้ค่ะ* **หัวกะทิควรเป็นหัวล้วนๆ ไม่ผสมน้ำ** วิธีทำ นำแป้งมัน นวดกับกะทิ ค่อยๆใส่กะทิ จนพอนวดได้ นวด 15 นาที (ถ้ามีเครื่องนวด ใช้เครื่องนวดได้ค่ะ) นวดครบเวลา ใส่น้ำ

  วิธีการทำขนมไข่เหี้ย ไข่หงส์ (สูตรชาววัง) (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 30 ชิ้น) ส่วนผสมและวัตถุดิบขนมไข่หงส์ (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 30 ชิ้น) ส่วนผสมแป้ง 1. แป้งข้าวหนียว 3 ถ้วย 2. แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย 3. มะพร้าวขูดขาว 2 ถ้วย 4. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ 5. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา 6. น้ำอุ่น 1/2 ถ้วย 7. น้ำมันสำหรับทอด ส่วนผสมไส้ 1. ถั่วทอง (ถั่วเขียวเลาะเปลือกออก) 3/4 ถ้วย 2. หอมแดงสับหยาบ 1/4 ถ้วย 3. น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย 4. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ 5. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา 6. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ (ตามใจชอบ) น้ำตาลสำหรับเคลือบ 1. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย 2. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย วิธีการทำขนมไข่หงส์ 1. ล้างถั่วให้สะอาดแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรือแช่น้ำอุ่นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง) ล้างถั่วให้สะอาดอีกครั้ง 2. นำไปนึ่งบนลังถึงที่ปูผ้าขาวบางรองไว้ บนน้ำเดือดไฟกลางจนสุก พักให้เย็นแล้วโขลกถั่วนึ่งให้ละเอียดพักไว้ 3. ผัดหอมแดงกับน้ำมันให้มีกลิ่นหอม ใส่ถั่วที่โขลกไว้ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ พริกไทย ผัดต่อจนส่วนผสมเริ่มร่อนจากกระทะ ปิดไฟพักไว้ให้เย็น ปั้นเป็นก้อนกลมน้ำหนักก้อนละ 10 กรัมเตรียมไว้ 4. ใส่แป้งข้าวเหนียว

  สูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใส ของแท้ต้องใสๆและนัว ทำขายเปิดร้านได้เลย  สำหรับในวันนี้เราจะมาแจกสูตรในเรื่องของการทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ชนิดที่ว่าเข้มข้นกลมกล่อม อร่อยจนไม่ต้องปรุงเพิ่ม สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจสามารถนำสูตรนี้ไปสร้างกำไรสร้างอาชีพในชีวิตของคุณกันได้เลย เพื่อเป็นการหารายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว สูตรทำซุปก๋วยเตี๋ยว บอกหมดแบบว่าไม่มีกั๊กเลยค่ะ มาดูกันเลยดีกว่าว่าสูตรที่เรานำมาฝากในวันนี้จะต้องทำอย่างไร ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าอยู่ที่ดิฉันนะมาฝากในวันนี้ ดิฉันน้ำมาฝากด้วยความเต็มใจ สร้างมิตรไมตรีให้กับผู้ที่นำไปใช้ เป็นการบอกตนสร้างกำไรสร้างอาชีพให้กับคุณค่ะ และอย่าลืมที่จะนำสิ่งดีๆเหล่านี้ไปบอกบุญให้กับผู้อื่นได้รับรู้ด้วยนะคะ ส่วนผสมที่จะต้องเตรียม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว 1 กะดูกเอี่ยวล้ง 2 กิโลกรัม คุณจะต้องทำการล้างให้สะอาด บริเวณไขมันตามแนวกะดูกเอาออกให้หมด จะต้องสะอาดจริงๆนะคะจะได้ไม่คาว 2 น้ำสะอาด 30 ถ้วย ตรงนี้จะต้องเน้นนะคะว่าอย่าใช้น้ำประปาเพราะว่ามีกลิ่นคลอรีน พอซดน้ำซุปไปอาจจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยอร่อย แนะนำว่าให้ใช้เป็นน้ำถังหรือว่าน้ำกรองจะดีที่สุดค่ะ 3 หัวไชเท้าแบ่งเป็นแว

  หน้าฝนมาถึงทีไร หลายๆ คนก็ต้องประสบกับปัญหาผ้าไม่แห้ง ผ้าเหม็นอับกันยกใหญ่ เนื่องจากแดดไม่เป็นใจ ปล่อยให้ฝนเทกระหน่ำในวันซักผ้า แม้ว่าจะใช้ผงซักฟอกอย่างดี และซักผ้าปั่นผ้าด้วยเครื่องซักผ้าแล้วก็ตามที เราขอแนะนำไอเท็มกู้ชีพที่จะช่วยให้การซักผ้าในหน้าฝนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงใช้ไอเท็มเหล่านี้ควบคู่ไปกับการซักผ้า แล้วปัญหาผ้าเหม็นกวนใจจะไม่สามารถทำให้เพื่อนๆ หงุดหงิดใจได้อีกเลยล่ะค่ะ ส่วนไอเท็มที่เราพูดถึงจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ 1.น้ำส้มสายชู ถ้าเสื้อผ้าที่เหม็นอับเป็นผ้าสีขาว สามารถเทน้ำส้มสายชู 1 - 2 ช้อนโต๊ะ ลงไปพร้อมกับการซักผ้าด้วยผงซักฟอกได้เลย แต่ถ้าเป็นผ้ายีนส์ ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าที่มีความหนามาก ให้นำผ้าไปแช่ทิ้งไว้ในน้ำผสมน้ำส้มสายชูก่อนการซักผ้า 2 - 3 ชั่วโมง แล้วค่อยนำผ้าใส่เครื่องซักผ้า ซักตามปกติ ฤทธิ์ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยขจัดกลิ่นอับที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้าออกไป 2.เบกกิ้งโซดา โรยเบกกิ้งโซดาลงบนผ้าที่เหม็นอับให้ทั่ว ถ้าเป็นเสื้อผ้า ให้โรยทั้งบริเวณด้านในและด้านนอก เสร็จแล้ว ทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำผ้าไปซักให้ปัดเบกกิ้งโซดาที่โรยไว้ออกจากเสื้อ

  นอนอยู่บ้านดีๆ บางทีเรื่องก็เข้าบ้าน โดยเฉพาะเรื่องแมลงสัตว์กัดต่อยที่ตัวน้อยตัวนิด เดินก้นบิดมาจากไหนไม่รู้ เข้าบ้านคนอื่นไม่ขออนุญาตไม่ว่า ทำไมต้องขึ้นที่นอนมากัดมาต่อยให้เจ้าของบ้านปวดแสบปวดร้อนกันด้วย! ซึ่งแมลงบางชนิดก็ไม่ได้แค่ทำให้แสบหรือคัน  Gangbeauty  ยืนยันว่าพิษของมันอาจทำให้ถึงขั้นช็อคกันได้เลยนะ เอาเป็นว่าถ้าเห็นแมลงลักษณะแบบนี้ที่ไหน โชคดียังไม่ทันโดนมันกัดเข้าให้ ก็รีบกำจัดมันออกไปให้พ้นทางเราก่อนเลยเถอะ! 1. ด้วงก้นกระดก ด้วงน้ำมัน     มันเป็นแมลงที่ชอบเล่นแสงไฟมาก และจะปล่อยพิษของมันออกมาทันทีที่ถูกรบกวน คำเตือนจากประสบการณ์จริงมีให้เห็นกันโจ๋งครึ่มบนโลกออนไลน์ ตัวเล็กนิดเดียว แต่พิษของมันทำให้แผ่นหลังทั้งผืน พุพองราวกับโดนไฟลวกได้เลย! วิธีแก้ไขถ้าโดนดีเข้าให้แล้ว คือให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่ทันที 2. หนอนบุ้ง หนอนร่าน     ดอกไม้ ใบหญ้า มันเป็นสิ่งรื่นเริงบันเทิงใจมากสำหรับสาวๆ ที่รักการเป็นแบบให้ตากล้องเก็บภาพสวยๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอหนอนสีเขียว แต่มีหนามแหลมเหมือนเม่นเดินไต่ไปมาบนใบไม้ ต่อให้มองว่าน่ารัก แต่บอกเลยว่าถ้าโดนเข้าไป ผิวหนังจะขึ้นเป็นผื่นแดงทันที ให้ใช้

  รองเท้าผ้าใบสีขาว เป็นอะไรที่ต้องหยิบมาใส่บ่อยๆ กันเลยนะคะเพราะมันใส่ได้ทุกๆ โอกาส แต่ด้วยสีขาวๆ นี่เองแหละค่ะ ที่ทำให้สกปรกได้ง่ายมแถมซักให้กลับมาขาวได้ยากมากๆ ใส่ไปซักพักก็ต้องโล๊ะทิ้งแล้ว ทั้งที่ยังชอบอยู่เลย วันนี้ เรามีเคล็ดลับซักรองเท้าผ้าใบสีขาวให้สะอาดขาวเอี่ยมอ่อง ไปดูกันค่ะ 1. สูตรเบกกิ้งโซดา เตรียมส่วนผสม เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/2 ช้อนโต๊ะ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใช้แปรงขนนุ่มชุบแล้วนำไปขัดรองเท้าผ้าใบอย่างเบามือ เกลี่ยส่วนผสมให้ทั่วรองเท้า วางทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง จนกว่าส่วนผสมจะแห้ง หลังจากนั้นก็ปัดส่วนผสมที่แห้งออก 2. สูตรน้ำมะนาว เตรียมส่วนผสม น้ำมะนาว 1 ส่วน กับครีมออฟทาร์ทาร์อีก 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน ใช้ผ้าชุบแล้วเช็ดลงบนคราบสกปรก ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยเช็ดคราบส่วนผสมออกจากรองเท้าผ้าใบให้สะอาดอีกครั้ง 3. สูตรแชมพูล้างคราบน้ำมัน ผสมน้ำอุ่นกับแชมพูสระผมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้ผ้าขนหนูชุบแล้วนำไปเช็ดคราบสกปรก แล้วใช้แปรงขัดต่ออีกเล็กน้อย รอยน้ำมันบนรองเท้าผ้าใบก็จะหายไป 4. สูตรเจือจางสารฟอกขาว สำหรับคราบสกปรกฝังลึก ให้ผสมสาร

  เรื่องที่ไม่ควรคิดถึง ในชีวิตของคนเรา ต่างก็ต้องมี เรื่องที่ไม่ควรคิดถึง มันอีกแล้วในชีวิต เพราะถือเป็นตัวการ สร้างความบั่นทอน ให้หัวใจรู้สึกแย่ขึ้นมาเสียเปล่าๆ ไปเสียอย่างนั้น 1. คำพูดที่พ่นออกมาจากปากคนไม่รู้จักคิด ขึ้นชื่อว่า  " คนไม่รู้จักคิด "  แน่นอนว่า คำพูดและการกระทำต่างๆ ก็ย่อมแสดงออกมาอย่างไม่ทันได้รู้จักคิด และทบทวนให้ดีเสียก่อนเช่นกัน เพราะฉะนั้น อย่าไปถือโทษ หรือคิดถึงมัน ให้ตัวเองต้องพบแต่ความหัวเสีย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการเสวนาด้วย หรืออยู่ให้ห่างจากบุคคลประเภทนี้ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียความรู้สึกอยู่เรื่อยๆ จะดีกว่านะ 2. ความสัมพันธ์ที่จบไม่สวย เชื่อว่า ใครหลายคนต่างก็ต้องเคยพบเจอกับความสัมพันธ์ห่วยๆ ที่สุดท้ายก็มักจะลงเอยด้วยคำว่าจบไม่สวยกันมานักต่อนัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องราว ที่มีผลกระทบกระเทือน ต่อจิตใจอยู่สูงอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะสำหรับคนบางคน เมื่อได้ลองนึกย้อนกลับไปแล้ว ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่า ยังคงมีความรู้สึกต่อ  " สิ่งๆ นั้น "  อยู่ทั้งๆที่ในความเป็นจริง เราเองต่างก็ควรที่จะหลงลืมมันไปได้ตั้งนานแล้ว 3. เรื่องราวเล

  เบื่อบ้างไหมค่ะ เมื่อเวลาหลังทำอาหารเสร็จแล้วมักจะมี กลิ่นอับ กลิ่นคาว หรือ กลิ่นอาหาร ยังติดอยู่ภายในห้อง ถึงแม้จะทำความสะอาดไปแล้วก็ตาม วันนี้ gangbeauty นำ 10 เคล็ดลับที่จะช่วยคุณกำจัดกลิ่่นดังกล่าวให้หมดไปด้วยอุปกรณ์ที่เราสามารถหาได้ง่ายๆค่ะ !!! 1. หัวหอม รู้หรือไม่ว่ากลิ่นฉุนๆ ของหัวหอมมีประโยชน์มากนะคะ เพราะหากนำหัวหอมมาสับให้ละเอียด นำไปแช่ในถ้วยน้ำ แล้วเอาไปวางไว้กลางห้องครัว หัวหอมก็จะช่วยดูดกลิ่นและควันจากการทำอาหาร ไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ดีเลยล่ะ 2. น้ำส้มสายชู รู้ไหมว่าเพียงแค่เทน้ำส้มสายชูใส่ถ้วยเล็กๆ แล้ววางไว้ใกล้ๆ เตา เวลาที่เราทอดปลา ทำอาหารทะเล หรือทำอาหารที่มีกลิ่นเหม็น ก็ช่วยกำจัดกลิ่นคาวให้หายไปได้ง่ายๆ เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยดูดกลิ่นคาวและกลิ่นเหม็นได้อย่างหมดจด แต่ถ้าหากใครลองทำแล้วกลิ่นคาวยังออกไม่หมดสักที ขอแนะนำให้วางทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วค่อยนำไปเททิ้ง รับรองว่ากลิ่นต้องหายไปแน่ๆ 3. มะนาว ถ้าบ้านใครที่น้ำสมสายชูดันมาหมดพอดี จะเปลี่ยนมาใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้เหมือนกัน โดยขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มด้วยการนำน้ำใส่กระทะแล้วตั้งไฟอ่อนๆ จากนั้น ใส่น้ำมะ