สูตรอาหาร เมนูอาหาร

         ตอนเป็นเด็กหรือแม้แต่ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายๆคนคงเคยเผลอกลืนเจ้า "หมากฝรั่ง" กันไปบ้างไม่มากก็น้อย         แล้วคุณๆสงสัยกันหรือเปล่าว่า ความจริงแล้วมันกลืนลงไปได้จริงๆหรือเปล่า แล้วถ้าเผลอกลืนมากๆจะเป็นอันตรายหรือเปล่า ตาม  GangBeauty  ไปหาคำตอบกันเลนค่ะ...  การกลืนหมากฝรั่งไม่ใช่เรื่องที่อันตราย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะหมากฝรั่งนั้นผลิตจากสารประกอบที่ไม่สามารถย่อยสลายด้วยน้ำย่อยในร่างกายของเราได้ เวลาที่เรากลืนหมาฝรั่งลงไป จะไม่ลงไปตกค้างอยู่ในกระเพาะ แต่จะค่อยๆ เคลื่อนลงไปตามลำไส้ใหญ่และถูกขับถ่ายออกมาในที่สุด โดยกระบวนการนี้จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นอันตรายเลย เพราะหากกลืนหมากฝรั่งลงคอแล้วหมากฝรั่งเกิดไปจับตัวกับสิ่งที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ และอีกกรณีหนึ่งก็คือ ขนาดของหมากฝรั่งมีขนาดใหญ่เกินไป ส่วนในกรณีที่เผลอกลืนลงท้องไปแล้วควรทำยังไงดี มีข้อห้ามที่สำคัญอยู่ค่ะ คือห้ามดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนลงไป??ค่ะ เพราะน้ำที่มีอุณหภูมิสูงจะทำให้หมากฝรั่งละลายและเกาะอยู่ที่บ??ริเวณ

  คุณรู้หรือไม่ การนอนดึกหรืออดนอนเป็นเวลานาน จะทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมเร็วขึ้นทั้ง สมอง หัวใจ หลอดเลือด ต่อมไร้ท่อ และภูมิคุ้มกันร่างกาย คุณควรปรับเปลี่ยนเวลานอนและเวลาตื่นนอนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งเวลาตั้งแต่ 4 ทุ่มเป็นต้นไปจนถึงก่อนเที่ยงคืนถือเป็นนาทีทองที่คุณไม่ควรนอนดึกกว่านี้ค่ะ !! 1. มีความสุขง่ายขึ้น ยิ่งอดนอนสมองของเราก็ยิ่งอึมครึม ทำให้ขาดสมาธิ ความจำก็ไม่ดี อะไรมากระทบนิดกระทบหน่อยก็หงุดหงิดอารมณ์เสียแล้ว แล้วจะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ แต่ถ้าเราลองนอนให้เร็วขึ้น เราจะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมองได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะรก็มีความสุขได้ง่ายขึ้นจริงๆนะ 2. ความจำดีขึ้น การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า คนที่นอนหลับได้แค่ราว 4 ชั่วโมงต่อคืน ติดต่อกันนานๆมีผลต่อความจำ, สมาธิและอุบัติเหตุมากขึ้น นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบคล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง ดังนั้น ต้องนอนให้เต็มอิ่มจะได้เป็นการชาร์จแบตให้สมอง พร้อมรับความจำใหม่ๆ 3. สมองสร้างเคมีสุข สมอ

  " คำว่าเพื่อน ?.."  ก่อนจะไปงานเลี้ยงรุ่น ควรถอดยศ ถอดศักดิ์ออก คำว่า  " เพื่อน "  มันห่างกันเมื่อวันเวลาผ่านไปจริงหรือ นายเทาชื่อจริง  " บรรเทา "  เรียนจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาชื่อดังของเมืองไทย ที่กรุงเทพฯ ปัจจุบัน นายเทาประกอบอาชีพ นักเขียน ,  ทนายความตามชนบทธรรมดาคนหนึ่งในต่างจังหวัด นานๆ จะมีโอกาสเข้ากรุงเทพครั้งหนึ่ง หลังจากเรียนจบมาหลายสิบปีก็ไม่ได้พบเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันอีก มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนบ้านบอกจะมีเจ้าหน้าที่จากอำเภอระดับสูงออกมาบริการ นายบรรเทาจึงไปร่วมประชุมที่ศาลากลางบ้าน โดยมีนายอำเภอเดินทางมาเป็นประธาน ขณะที่พูดนายอำเภอก็เมียงมองมาที่นายบรรเทาบ่อยๆ ครั้นจนกระทั่งเสร็จจากการให้บริการ นายอำเภอจึงให้คนมาตามนายบรรเทาไปพบ นายอำเภอถามว่า  " คุณชื่อบรรเทา จอดนอก ใช่มั๊ย " " นายเทาบอกว่าใช่ครับ "  ท่านรู้จักชื่อผมได้ยังงัย นายอำเภอได้ยินดังนั้น จึงพูดด้วยเสียงอันดังว่า " ไอ้เทา ? มึงจำกูไม่ได้รึ กูไอ้คง ที่ลอกการบ้านมึงบ่อยๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยไง " บรรเทาบอกว่า ผมก็รู้สึกคุ้นๆ กับชื่อท่าน ก็พึ่งนึกได้ตอนที่ท่านลอก

  น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่อร่อยยาวนานมาตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ความหวานนั้นดีต่อจิตวิญญาณ แต่ความหวานจากน้ำผึ้งนั้นยังแถมผลประโยชน์เชิงบวกต่อร่างกายมนุษย์ด้วยนะ  Gangbeauty  บอกเลยว่ามันไม่ได้แค่ให้ความหวานได้เท่านั้น แต่ประโยชน์น่ะมีอีกเพียบ ถ้ารู้แล้วเธออาจจะเลิกบริโภคความหวานจากสารให้ความหวานอื่นๆ ไปเลยล่ะ! 1. น้ำผึ้งเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุ  ทั้งวิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ซึ่งทั้งสามชนิดนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เสริมสร้างกระดูก ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานคล่องแคล่ว สะดวกขึ้น pxhere.com 2. น้ำผึ้งช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดง ในร่างกายได้ เพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด สามารถกำจัดแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายโดยไม่กระทบต่อความอ้วนอีกด้วย 3. น้ำผึ้งมีน้ำตาล  แต่น้ำตาลในน้ำผึ้งไม่เหมือนน้ำตาลทั่วไปที่คนเราเห็นกัน โดยน้ำตาลที่อยู่ในน้ำผึ้ง มีสารประกอบที่ชื่อว่าเดกซ์ทริน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด pxhere.com 4. ทางการแพทย์ มีการนำน้ำผึ้งบริสุทธิ์ไปรักษาแผลเปื่อย

  ในวันนึง มนุษย์เราเข้าห้องน้ำกันบ่อยมาก เฉพาะอาบน้ำก็อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันแล้ว ซึ่ง  Gangbeauty  เชื่อว่าปัญหาที่ทุกคนเคยเจอนั้น ก็คือสบู่ก้อนที่ใช้ถูตัว มันลื่นหลุดมือลงชักโครกไปต่อหน้าต่อตา แต่ผู้หญิงเราเป็นไง ไม่กล้าเก็บขึ้นมา กดทิ้งไปเลยค่า สรุปคือตัน ส้วมตัน แก้ปัญหายังไงมาดูวิธีกันดีกว่า โดยปกติ ถ้าสบู่ก้อนตกลงไป แล้วเกิดการอุดตันชักโครก ทำให้กดไม่ลง หรือมีน้ำเอ่อล้นขึ้นมา ตัวสบู่เมื่อแช่น้ำไว้นานๆก็จะละลายไปเอง แต่ห้องน้ำมันต้องใช้บ่อยไง จะมานั่งรอให้ละลายก็ไม่ไหว ธาตุระเบิดก่อนพอดี ทำตามขั้นตอนนี้ได้ผลดีที่สุด ไปเบิ่งงงงงงง ขั้นตอนและวิธี 1. ลดปริมาณน้ำ น้ำในคอห่าน พยายามวิดออกให้เหลือน้อยที่สุด ตักออกให้ได้มากที่สุด การแก้ปัญหาเรื่องสบู่อุดตันจะง่ายขึ้นมากจ้ะ 2. ราดน้ำร้อนลงไป พอน้ำในคอห่านเหลือน้อยที่สุดเท่าที่เธอทำได้แล้ว ให้นำน้ำร้อนเดือดๆ ประมาณ 1-2 หม้อ ค่อยๆราดลงไป ย้ำว่าค่อยๆ น้ำร้อนจะทำการละลายสบู่ จนทำให้น้ำกลับมาไหลได้สะดวกอีกครั้งนึง 3. กดชักโครก ราดน้ำปกติ เมื่อเทน้ำร้อนลงไปละลายสบู่แล้ว ให้กดชักโครก หรือราดน้ำตามปกติ ถ้าน้ำไหลสะดวกแล้ว ก็แปลว่าสบู่ละลายหมดแล้ว

  อีกหนึ่งปัญหาที่ทำเอาคุณแม่บ้านหลายคนถึงกับต้องกุมขมับ ก็คือปัญหากลิ่นภายในห้องน้ำ ที่ทำยังไงก็ไม่หมดไปเสียที เเม้จะพยายามทำความสะอาดบ่อยๆแล้วก็ตาม ห้องน้ำก็ยังมีกลิ่นฉุนชวนอ้วก ซึ่งกลิ่นส่วนใหญ่มักมาจากโถส้วมนั่นเอง วันนี้   GangBeauty   จึงจะมาแนะนำวิธีดับกลิ่นภายในห้องน้ำ อย่างได้ผล ทำยังไงตามไปดูกันค่ะ 1. มะ กรูด หลายคนคงเคยเห็นห้องน้ำตามร้านอาหารหลายๆที่ ใช้มะกรูดในการดับกลิ่น วิธีนี้ใช้ได้กับห้องน้ำที่กลิ่นไม่รุนเเรงนัก หรือกลิ่นเบาๆ นำมะกรูดมาหั่นเป็นชิ้นๆ หรือเป็นเเว่นๆ นำไปวางไว้ในห้องน้ำ ก็จะช่วยลดกลิ่นฉุนของห้องน้ำลงได้ค่ะ 2. สมุนไพรเเห้ง สามารถทำเองได้ง่ายๆ แค่นำสมุนไพรต่างๆ เช่น มะนาว ตะไคร้ ใบเตย เปลือกส้ม มาหั่นเป็นชิ้นๆ เเล้วตากให้เเห้ง หรืออบด้วยความร้อน 250 องศาเซลเซียสประมาณ 1 ชั่วโมง เเล้วนำไปใส่ขวดทิ้งไว้ 2 วัน แล้วเปิดฝานำไปวางในห้องน้ำ ก็จะได้กลิ่นหอมของสมุนไพรมาช่วยดับกลิ่นฉุนได้ค่ะ 3. เบกกิ้งโซดา - มะนาว หากลองทั้ง 2 วิธีแล้วเเต่กลิ่นก็ยังสุดจะทน ลองวิธีที่ 3 ดูค่ะ เพียงผสมน้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดาให้ได้เป็นเนื้อสครับเข้มข้น นำไปขัดให้ทั่วชักโครก ทิ้งไว้ 15 นาที

  สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มาชวนทำขนมเย็นๆ ในช่วงร้อนๆแบบนี้ คิดอะไรไม่ออกขอนำเสนอ “ทับทิมกรอบ” เย็นๆหอมๆเหมาะที่สุดเลยค่ะ เมนูขนมไทยคลายร้อน เคี้ยวกรอบมัน อร่อย วิธีทำง่ายๆ มาเริ่มทำกันเลยค่ะ *ส่วนประกอบ 1. แห้วต้ม 300 กรัม 2. แป้งมัน 1 ถ้วยตวง 3. น้ำหวาน (สีเขียว) 1.5 ออนซ์ 4. น้ำหวาน (สีแดง) 1.5 ออนซ์ 5. กะทิ 1 ถ้วยตวง 6. เกลือ 1/4 ช้อนชา 7. น้ำตาลทราย 100 กรัม 8. น้ำเปล่า 30 กรัม 9. น้ำแข็ง **ขั้นตอน เริ่มจากนำแห้วไปต้ม หั่นแห้วออกเป็น4 ชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปคลุกกับน้ำหวานสีแดง กับสีเขียว แล้วพักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สีซึมเข้าไปในเนื้อแห้ว . . นำแห้วที่คลุกน้ำหวานแล้วไปคลุกกับแป้งมัน แล้วนำไปกรองร่อนกับตะแกรงนำแป้งมันออก . . รอน้ำเดือด แล้วนำขนมไปใส่ในน้ำเดือด รอให้ขนมลอยและใส ตักขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นทันที มาทำน้ำกะทิ โดยแยกระหว่างน้ำหวานกับกะทิคะ เราจะต้มน้ำหวานไว้โดยนำ น้ำตาลทราย+น้ำเปล่า ทำให้น้ำตาลละลาย แล้วมาต้มกะทิใส่เกลือเล็กน้อยคะ รอให้กะทิเดือดเล็กน้อยก็ใช้ได้ค่ะ ขนมพร้อมเสริฟ ใส่เนื้อขนมและกะทิ+น้ำหวาน ลงไปในถ้วย เพิ่มความหวานตามชอบ ถ้าใช้กะทิอบควันเทียน จะหอมมากขึ้น เพื่อนๆ

  สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มีสูตรการทำ​ไข่เค็มไข่ไก่ มาแบ่งปันค่ะ ทำเองง่ายๆจะดาวหรือจะต้มก็อร่อย ปกติเราจะใช้ไข่เป็ด​แต่ช่วงนี้ซื้อไข่ไก่ตุนไว้เยอะ​ ทานไม่ทัน แนะนำสูตรนี้เลยจ้า มาดูขั้นตอนกันเลย *ส่วนผสม ไข่ไก่10ฟอง น้ำ1ลิตร เกลือ1ถ้วยตวง **ขั้นตอน เราจะใช้ไข่ไก่10ฟองนะคะ เริ่มจาก​ ต้มน้ำ1ลิตรกับเกลือ1ถ้วยตวง​ คนให้เกลือละลายแล้วพักไว้ให้เย็น หากระป๋องพลาสติคแบบมีฝาปิด​ที่กะให้ใส่ไข่ได้พอดี​10ฟอง เรียงไข่ลงได้เลยค่ะ พอน้ำเกลือเย็นแล้วเทลงได้เลยให้ท่วมไข่นะคะ ปิดฝาให้สนิท​ เก็บไว้ในห้องอุณหภูมิปกติได้เลยค่ะ​ 15-18 วัน​สามารถนำมาทำไข่ดาวเค็มได้เลย อร่อยๆค่ะ ถ้าประมาณ​25 วัน​ก็สามารถนำมาต้มเป็นไข่เค็มไข่ไก่ได้เลยค่ะ ไข่เค็มไข่ไก่จะ​อร่อยเหมือนไข่เป็ดเลย เพียงแต่ไข่แดงจะเล็กกว่าและไข่ขาวจะนุ่มกว่า​แค่นั้นค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก  สมาชิกหมายเลข 2103716  สมาชิกเว็บพันทิป

  สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มาชวนทำเมนูอาหารไทย ประเภทเครื่องจิ้ม รสชาติเข้มข้น หอมมันกะทิ หวานเปรี้ยวเค็มครบรส กินหลนปูเค็มกับผักสดๆ ที่หวานกรอบ คงจะอร่อยและช่วยดับร้อนได้น่าดูเลยค่ะ . *ส่วนผสมและเครื่องปรุง – ปูเค็ม 250 กรัม – หมูสับติดมันเล็กน้อย 350 กรัม – หัวกะทิ 3/4 ถ้วย – หางกะทิ 2 + 1/2 ถ้วย – หอมแดง 5 หัวใหญ่ – พริกขี้หนูสวนสีเขียวแดงเด็ดก้านแล้ว 30 เม็ด – น้ำมะขามเปียกข้นๆ 1/3 ถ้วย – เกลือป่น 1 + 1/2 ชต. – น้ำตาลปี๊บ 3 + 1/2 ชต. **วิธีทำ อันดับแรก  เรามาจัดการที่ปูเค็มของเรากันก่อนนะคะ ด้วยการนำน้ำสะอาดใส่ในหม้อใบย่อม ๆ สักใบ ให้ความสูงของน้ำประมาณสัก 2 นิ้วค่ะ จากนั้นนำหม้อไปตั้งไฟ เปิดไฟกลาง รอจนน้ำเดือด พอน้ำเดือดก็ให้เรานำปูเค็มที่ล้างน้ำเปล่าไปแล้วรอบนึง ใส่ลงไปต้มในหม้อน้ำเดือดประมาณสัก 2 นาทีค่ะ พอครบ 2 นาที (กะๆ เอานะคะ ไม่ต้องเป๊ะก็ได้) ก็ให้เราช้อนปูขึ้นใส่จานไว้ค่ะ พอปูคลายความร้อน ก็ทำการแกะตะปิ้งของปู (ตามลูกศรสีแดง) ทิ้งไป แล้วก็แยกกระดองปู + ฉีกปูออกเป็น 2 ส่วน แต่หากปูตัวเล็กแค่แยกกระดองปูออกก็พอค่ะ เพิ่มเติม   :  จริงๆ ควรตัดเล็บปู + ดึงนมปูออกด้วยนะคะ เผื่อความ