ค่าไฟแพงยังไม่พอ การประปา เตรียมขึ้นค่าน้ำ หลังไม่ได้ปรับ 23 ปี

 

 หลังจากที่ประชาชนต่างเดือดร้อนกันทั่วหน้าเพราะว่าค่าไฟพุ่งสูงในเดือนนี้ เดือดยิ่งกว่าเพราะเดือนหน้า กกพ. จ่อ ปรับขึ้นค่าไฟ งวด พ.ค.-ส.ค. เป็น 4.77 บาทต่อหน่วย ต่อมา ทางภาครัฐและภาคเอกชนต้องมาร่วมกันพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้า โดยฝั่งของอนุกรรมการเอฟทีเห็นชอบลดค่าไฟงวดใหม่ 7 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้วันนี้ (24 เม.ย.66) ต้องมาลุ้นผลการประชุมบอร์ด กกพ. กันต่อ 

       ล่าสุด (24 เม.ย.66)  นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า ปัจจุบัน กปน.ได้รับผลกระทบจากต้นทุนหลักการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ประกอบด้วย 

       1.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรัฐบาลเรียกเก็บที่ราชพัสดุ กปน.ต้องเสีย 150 ล้านต่อปี จากเดิมไม่ต้องเสีย 

       2.ค่าน้ำดิบจ่ายให้กับกรมชลประทานวันละ 3 ล้านบาท

       3.ค่าไฟเพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเอฟทีของรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับขึ้นกว่า 90 สตางค์ 

       4.ค่าธรรมเนียมการวางท่อเป็น 100 ล้านบาทต่อปี แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ กปน.จะตรึงค่าน้ำไว้ให้นานที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาลยังไม่ต้องการให้ขึ้นค่าน้ำ 



 ขณะเดียวกันพยายามบริหารจัดการต้นทุนทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ไฟฟ้า โดยจ่ายน้ำตามความต้องการใช้ เป็นต้น

       ปัจจุบันกำลังพิจารณาอัตราค่าน้ำให้สอดรับต้นทุนเพิ่มขึ้น หลังไม่ได้ขึ้นค่าน้ำมา 23 ปี เพื่อบริหารสภาพคล่องด้านการเงิน เพราะใช้เงินลงทุนไป 42,000 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิตในโครงการ 9 

        ขณะที่ นายมงคล วัลยะเสวี รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า ตอนนี้ กปภ.อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20% ทั้งจากค่าไฟ ค่าสารเคมี เพื่อขอขึ้นค่าน้ำ หลังไม่ได้ขึ้นมากว่า 10 ปี อีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ จากนั้นเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าน้ำเคยขอกับกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่ไม่ได้รับอนุมัติ และขอให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแทน


       จากภาระค่าไฟฟ้าสูงขึ้นและค่าเอฟทียังอยู่ในอัตราสูง ส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน บางส่วนได้ปรับตัวรับสถานการณ์ พร้อมกับมีข้อเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้แก้ไขระยะสั้น และปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต

       ผลกระทบจากค่าไฟฟ้าแพงมีผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น ภาคอุตสาหกรรมมีจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มี 523,372 ราย ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมทั้งขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็กเป็นภาคที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสัดส่วนสูงสุดถึง 55% ของการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศ จะได้รับผลกระทบต้นทุนการผลิตจากการใช้ไฟฟ้าเป็นภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ส่งผลต่อต้นทุนสินค้า อาจต้องปรับขึ้นด้วย  

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สูตรเด็ดขนมจีบหมู จีบกุ้ง จีบปู เก็บไว้ทำขายหรือทำกินกับครอบครัว อร่อยสุดๆ

ให้ไหว้ก่อนในช่วงสิ้นปีนี่ ทำแล้วจะเจริญกันทุกคน

ปลอดภัยชัวร์ "ลูกชิ้นหมูเด้ง" ปันสูตรทำเองไม่ต้องง้อร้าน

17 ประโยชน์จาก "เบียร์" แม้แต่ฟองขาวๆ ก็มีดีกว่าที่คุณคิด!!

เก็บไว้ทำกิน 2สูตรทอดน้ำปลาแสนอร่อย หอมน้ำปลา แถมไม่มีน้ำมัน

แจกสูตรอาหาร “แกงไตปลาน้ำข้น” พร้อมวิธีทำแกงไตปลายังไง ให้หอมถึงเครื่องแกง

แจกสูตร “ทอดไข่ดาว” ยังไงให้ให้สวยน่ากิน เสิร์ฟคู่พริกน้ำปลา

แบ่งปันสูตร ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

สูตรห่อหมกปลากราย อร่อยกว่าร้านดัง

แจกฟรี 5 สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด กินกับอะไรก็อร่อย ทำกินเองได้ง่ายๆ ทำขายรวย