5 วิธีการละลายเนื้อที่แช่แข็ง รอไม่นานเลย

 

5 วิธีการละลายเนื้อที่แช่แข็ง รอไม่นานเลย

การทำอาหารในแต่ละครั้งนั้น จะต้องรอพวกเนื้อที่เราแช่เอาไว้ในช่องฟรีซเป็นเนื้อที่แข็งๆไม่สามารถที่จะนำมาทำอาหารได้เลย จะต้องรอให้ละลายให้นิ่มก่อน ถึงจะนำมาทำอาหารได้ แต่ก็ต้องรอ เป็นเวลานาน เสียเวลาในการทำอาหารอย่างมาก

เราได้นำทั้ง 5 วิธีสำหรับการละลายเนื้อที่แช่แข็ง จะช่วยละลายให้มีความนิ่มขึ้นได้แบบที่ไม่ต้องรอนานกันเลย ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถที่จะนำมาประกอบในเมนูอาหารตามที่ต้องการได้เลย

1 ละลายเนื้อในตู้เย็น โดยเราจะแช่เอาไว้ที่ช่องแช่เย็นธรรมดา 1-2 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่มีความปลอด ภัยสำหรับการแบ่งตัวของแบ ค ที เรีย ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เนื้อมีเวลามากพอที่จะสามารถสลายเกล็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวอยู่ตามเส้นใย จึงทำให้ไม่เสียรสชาติของเนื้อไป แต่ในส่วนของข้อเสียคือจะต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย

2 การละลายด้วยน้ำเย็น โดยเราจะนำเนื้อที่แช่แข็งใส่ลงไปในถุงพลาสติกปิดสนิทแล้วแช่ในน้ำเย็น โดยให้จุ่มลงไปทั้งชิ้นเลย ตัวน้ำเย็นนั้นจะช่วยถ่ายเทความร้อนจากอาการด้านนอก ทั้งยังช่วยรักษาอุณหภูมิไม่ให้สูงจนเกินไป ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการชะลอการเติบโตของแ บ ค ทีเรียไปในตัวด้วย ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลานาน 2-3 ชม. ก็สามารถที่จะนำเนื้อมาทำเมนูอาหารได้ หากต้องการให้เร็วกว่านี้ก็ให้เปลี่ยนน้ำในทุกๆ 30 นาที เนื้อจะนิ่มเร็วขึ้น

3 นำมาละลายในเตาไมโครเวฟ โดยเราจะแกะเนื้อที่แช่แข็งออกจากบรรจุภัณฑ์ จากนั้นให้นำไปวางในภาชนะที่จะสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ ให้เรากดปุ่มละลายน้ำแข็งหรือจะใช้กำลังไฟที่ประมาณ 160 ถึง 200 วัตต์ นาน 2 ถึง 4 นาที วิธีนี้จะแนะนำสำหรับการนำเนื้อ มาปรุงอาหารโดยในทันที เพราะเนื้อในบางส่วนนั้นจะเริ่มสุก

4 การละลายเนื้อด้วยหม้อสแตนเลสหรือใช้เป็นหม้อทองเหลืองวิธีการ วางหม้อใบนึงคว่ำลงและหม้ออืกใบวางตามปกติ นำเนื้อแช่แข็งวางไว้ระหว่าง ก้ นหม้อทั้งสองใบ ให้ ก้ นหม้อประกบเนื้อสัตว์ไว้ประมาณ 10-15 นาที เพราะตัวหม้อสแตนเลสหรือหม้อทองเหลืองจะค่อยๆ ดูดความเย็นออกจากเนื้อ ทำให้เนื้อสัตว์นิ่มลงได้เร็วขึ้นนั่นเอง

5 ละลายด้วยการห่อแผ่นฟอยล์ ใช้แผ่นฟอยล์ห่อเนื้อที่แช่แข็งทั้งชิ้นให้มิด ทิ้งไว้ 10-15 นาที เนื้อก็จะละลายพร้อมให้นำไปปรุงอาหารต่อได้เลย

แม้ว่าการละลายเนื้อที่แช่แข็งนั้น จะทำให้สูญเสียรสชาติไปบ้ า ง แต่วิธีนี้ก็จะเป็นวิธีที่ถือได้ว่าช่วยลดเวลาในการทำอาหารไปได้มาก ทั้งยังให้ความสะดวกในมากขึ้น แต่ยังไงก็ตาม หากเป็นไปได้เราก็ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มาจากวัตถุดิบสดใหม่ เพื่อที่จะได้รับรสชาติที่อร่อยและได้คุณค่าทางส า รอาหารที่ครบถ้วนอย่างมากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก : 108archeepparuay

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิษฐาน ถวายน้ำหน้าหิ้งพระ เสริมสิริมงคล ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น

แจกสูตรทำ “น้ำยาล้างจาน” จากมะกรูดหลังบ้าน ดีจริง

วิธีการทำลอดช่อง สุดยอดขนมหวาน ทำทานกินเอง แบบไม่ง้อร้าน

แจกสูตรก๋วยเตี๋ยวเรือ งบลงทุนแค่หลักร้อย อร่อยจนทำขายแทบไม่ทัน

สูตรทำ "พะแนงเนื้อ" หอมกะทิและพริกแกง เผ็ดร้อนครบรส

วิธีทำ “หมี่กะทิสีชมพู” เมนูอาหารไทย เส้นหมี่สีชมพูแสนหวาน หอมมันอร่อยกลมกล่อม

ตามหาสูตรมานาน วิธีทำ“ปลาส้มตัวสูตรโบราณ” สูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถทำรับประทานได้ง่ายๆที่บ้าน

สูตร “ขนมเปี๊ยะสายรุ้งไส้เผือก” สีสันสวยงาม ไส้เผือกหอมๆ แป้งนุ่มอร่อยมาก

แจกสูตรน้ำพริกกะปิ 4 สูตร อร่อยสุดยอด ชนิดที่ไม่ผิดหวังแน่นอน

เมนูสุดฟิน‼️หมูกรอบสูตรง่าย เร่งด่วน ไม่จิ้ม ไม่ตาก ไม่ต้ม ไม่แช่น้ำส้ม ไม่กลัวน้ำมันกระเด็น |ครัวแม่ผึ้ง