3 สาเหตุ “ขายดีจนเจ๊ง” เรื่องที่คนค้าขายควรรู้
3 สาเหตุ “ขายดีจนเจ๊ง” เรื่องที่คนค้าขายควรรู้
คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก หมายถึง อ ย่ า ง นั้นจริงๆ ข ายดี จนกระทั่งธุรกิจเจ๊ งจนต้องปิดตัวลง แบบที่เจ้าตัวยังงงๆ อยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ อ ย่ า งนี้ มักเกิดขึ้นกับเจ้าของกิจการ ขนาดเล็กในบ้ านเรา
และมีให้เห็นมากมาย ร้านอ า ห า ร ร้านจิปาถะ ที่เริ่มต้นเติบโตจากระบบ เจ้าของคนเดียว มีความเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงนำเอาความเชี่ยวชาญนั้นมาทำธุรกิจจน ประสบความสำเร็จในการทำ
และมีลูกค้ ามากมาย แต่วันหนึ่งก็เกิด การซวนเซแล้วเจ๊ งไปซะง่ายๆ ซะงั้น มีเพื่อนรายหนึ่งอยู่ในอาก ารที่ว่ามานี้ แต่โชคดีที่ มาถามก่อนเจ๊ งเพราะเพื่อนเข้ามาถามผมว่า เป็นเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นทั้งๆ
ที่ธุรกิจไปได้ดีตลอดลูกค้ าเยอะ ยอดข ายแต่ละวัน นับเงินเมื่อยมือเลย แต่ว่าต้องไป ก ู้หนี้ยืม สินมาใช้ในธุรกิจเหมือน เติมไม่เต็มตลอด หลายปีที่ทำธุรกิจมานั้น ผมเริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ
ว่าการเป็นเจ้าของกิจการ มีเงินเดือนเดือนละเท่าไหร่ เงียบ แทนคำตอบก่อนที่จะถามกลับมาว่า ทำไมต้องมีเงินเดือน ก็ในเมื่อเป็นเจ้าของอยู่แล้วไง ผมถามคำถามที่สองไปอีกว่า แล้วเจ้าของใช้เงิน เดือนละเท่าไหร่
ลังเลนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่าไม่รู้ว่า ในแต่ละเดือนใช้ไป ละเท่าไหร่เพราะจะใช้อะไร ก็หยิบไปไม่ได้จดไว้ว่า เท่าไหร่ ถ้าไม่พอก็รอให้เงินพอก่อนแล้วค่อยหยิบ จากนั้นจึงถามคำถามที่สาม เงินที่หยิบจากลิ้นชักไปนั้น
เอาไปซื้ ออะไรและคราวนี้สาธย ายย าวเลย ก็ซื้ อทุก อ ย่ า ง ที่ต้องการกินข้าว ซื้ อของเข้าบ้ านเลี้ยงสังสรรค์ ผ่ อ น รถ และอีกมากมาย สรุปง่ายๆ เหล่านี้แหละสาเหตุที่คนทำธุรกิจที่โตมากับมือ
1 ไม่แยกแยะ เงินของธุรกิจ ออกจากเงินส่วนตัว
เพราะคิดว่าคือเจ้าของธุรกิจ จึงไม่ตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง คือง่ายๆเป็นเจ้าของ
เงินทั้งหมด อยู่แล้วจะใช้ อ ย่ า ง ไรก็ได้ นี่เป็นความคิดเริ่มต้นที่ผิด
เพราะต้องมอง ให้ธุรกิจเป็นเหมือน บุคคลอีกคนหนึ่งเลยนะ ที่เรารับจ้างทำงานให้อยู่
เวลาเราจ้ างใคร ก็จ่ายเงินเดือนชัดเจน และใช้เกินกว่านั้น ไม่ได้แต่ตัวเราซึ่งรับจ้ างธุรกิจ
ที่เราก่อตั้งขึ้นนั้น กลับใช้เงินได้ไม่จำกั ด มันส่งผ ล ทำให้เงิน ที่เป็นค่าใช้จ่าย
แต่ละเดือนไม่คงที่ ในแต่ละเดือนดังนั้น ต้องตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง
และจ่ายเงินเดือนเมื่อสิ้นเดือน เหมือนพนักงานคนอื่นๆ และก็ต้องใช้เงินแค่นั้น
ห้ามหยิบมาจาก ลิ้ นชักอีก ต้องไปหายืม คนอื่นเอาเอง ถ้าจะยืม
จากลิ้ นชักจริงๆ ก็ต้องจด และจากนั้น ต้องนำมาคืน
2 ไม่ทำ รายรับ-รายจ่าย
พอจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง จากนั้นก็ควรจะทำบัญชี รายรับ-รายจ่ายให้ตัวเอง
เอาแบบคร่าวๆก็ได้ ให้พอรู้ว่าแต่ละวันจ่ายอะไรไปแค่ไหน เหลือเงินใช้ ได้อีกเท่าไหร่
ไม่ใช่ใช้สนุกมือไปเรื่อย และเงินเดือนที่ ตั้งให้ตัวเองไม่พอใช้ ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองซะ
ในข้อนี้จะขึ้น เท่าไหร่คงไม่มีใครว่า แต่มันก็ควรเป็นตัวเลข ที่สมเหตุสมผล
และไม่ทำให้ กระทบกับรายรับ ธุรกิจของเราด้วย
3 การใช้เงิน ที่ผิ ดประเภท
เพราะเพื่อนผมเอาเงิน ที่หยิบจากลิ้ นชักไปซื้ อข้าวกิน ไปซื้ อของใช้เข้าบ้ าน
ไปผ่ อ น รถ สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องส่วนตัวเรื่อง ส่วนตัวต้องใช้เงินส่วนตัวสิ
แต่เงินของธุรกิจ ควรจะจ่ายในสิ่งที่เกี่ยวข้อง กับธุรกิจสิ เช่น ชำระห นี้การค้ าซื้ อวัตถุดิ บ
จ่ายเงินเดือน ฯลฯ ตอนที่รับเงินจากลูกค้ า ในเงินแต่ละก้อนที่ได้รับมานั้น
ประกอบด้วยต้นทุ น ของสินค้ าต้นทุนค่ าดำเนินการ และกำไ ร อยู่ในนั้นทั้งหมด
กลับกันเวลา ที่เราหยิบออกมา กลับมองว่าวันนี้ รับมาเท่าไหร่ มองว่าเป็นรายรับล้วนๆ
ไม่คิดจะแย กทุ น แยกกำไรสักนิด และเมื่อเอาไปใช้ไม่ถูกประเภท มันก็เท่ากับว่า
ได้ใช้ทั้งกำไ ร และต้นทุ นไปทั้งหมดเลยทีนี้ ก็จะอยู่ในอาก าร ทุนหด
กำไรไม่เหลือ ฉะนั้นแล้วคิดให้ดีนะ เวลาจะทำอะไร
ขอขอบคุณ b i t c o r e t e c h, 108resources
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น