ข้าวมันไก่ พร้อมวิธีปรุงน้ำจิ้ม เคล็ดลับ ที่ไม่ลับ ทำเองได้ที่บ้าน



ที่มา  https://pantip.com/topic/32526903

วันนี้ขอเสนอวิธีการทำข้าวมันไก่ แบบทำทานกันเองได้ที่บ้านนะ ไม่ยากเกินไป
ลองดูกัน



อย่างแรก ก็หาซื้อไก่สดปริมาณพอเหมาะกับจำนวนคนที่จะทานก่อน จขกท. แนะนำให้ซื้อไก่แบบหาซื้อได้ง่าย ๆ ก็คือไก่เนื้อที่มีขายอยู่ทั่วไป ทั้งตามตลาดสด และซุปเปอร์สโตร์

สมาชิกในบ้านชอบส่วนไหน ก็ซื้อมาตามสะดวก ถ้าชอบแบบเนื้อแห้ง ๆ ไม่มีมัน ก็ส่วนที่เป็นหน้าอก ถ้าชอบแบบเหนียวหนึบหน่อยก็น่อง ปีก ถ้าชอบนุ่ม ๆ มัน ๆ ก็สะโพก เป็นต้น

กระทู้นี้จะไม่กล่าวถึงการใช้วัตถุดิบประเภท ไก่บ้าน ไก่ไทย ไก่พันธุ์เบตง อะไรทำนองนี้นะครับ เอาแบบง่าย ๆ ก่อน

โดยส่วนตัว จขกท. ชอบเนื้อส่วนสะโพก สมาชิกในบ้านบางคนก็ชอบเนื้อน่อง เลยซื้อแบบสะโพกน่องมาทำ
ปัจจุบัน (สิงหาคม 2557) ราคาไก่เนื้อสะโพกติดน่องอยู่ที่ กก. ละ 75 – 80 บาท เฉลี่ยแล้ว 1 กก. ได้สะโพกน่องประมาณ 4 ชิ้น ก็ตกชิ้นละประมาณ 20 บาท นะครับ

แรกเลยก็เตรียมน้ำสำหรับต้มไก่ก่อน อันนี้สำคัญ


เวลาเราต้องการทำน้ำซุปหรือน้ำสต๊อก เรามักจะเอาโครงไก่หรือกระทั่งเนื้อไก่ลงไปต้ม เพื่อให้น้ำซุปมีรสชาติดี หวานน้ำจากไก่สด พอต้มเสร็จ น้ำซุปที่ได้ ก็จะอร่อยได้ใจ แต่เนื้อไก่จืดชืด เพราะความหวานของเนื้อไก่ ละลายไปอยู่กับน้ำซุปหมดแล้ว

ถ้าเราต้มไก่ แบบเดียวกับการทำน้ำซุป ไก่ของเราก็จะจืดชืดกินเปล่า ๆ ไม่อร่อย จนต้องพึ่งน้ำจิ้มรสจัด มาเป็นตัวทำให้อร่อยแทน
ดังนั้น แทนที่เราจะให้ความหวานจากเนื้อไก่ถูกปล่อยออกมา เราก็จะเปลี่ยนเป็นทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปที่เนื้อไก่แทน

การเตรียมวัตถุดิบสำหรับใส่ลงไปในน้ำสำหรับต้มไก่
1. ผักกาดขาวสด หรือผักหางหงส์ สด ๆ 1 หัว (ต้องเลือกที่สด ๆ เพื่อให้หวาน)
2. กระเทียม 3 – 4 หัว (ก็ประมาณ 30 กลีบ)
3. รากผักชี 5 – 6 ราก
4. ขิงแก่หั่นเป็นแผ่นบาง 5 – 6 แผ่น และแบบทุบ ๆ บุบ ๆ สักเล็กน้อย
5. พริกไทยขาว บุบ ๆ หยาบ ๆ 20 – 30 เม็ด
6. เกลือสมุทร ได้ดอกเกลือยิ่งดี ให้มีรสเค็มขึ้นมาบ้าง (มากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำต้ม ก็อาจจะหนึ่งถึงสองช้อนโต๊ะ)
7. น้ำตาลกรวดครึ่งช้อนโต๊ะ
8. ซี่อิ๊วขาว ประมาณ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืชครึ่งช้อนโต๊ะ

ต้มน้ำซุปนี้โดยไม่ต้องปิดฝา ใช้ไฟแรง ต้มให้เดือดนานอย่างน้อย 30 นาที ใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง (ควรใส่น้ำเผื่อไว้หน่อย กันน้ำแห้งเกิน) ตอนต้มน้ำนี้ ยังไม่ได้ใส่ไก่ลงไปนะครับ

พอครบเวลาแล้ว เวลาจะใส่ไก่ลงไป ถ้าหม้อใบเล็กเกิน จะเอาผักกาดขาวออกเสียให้หมดก่อนก็ได้ แต่ถ้าหม้อต้มใบใหญ่พอ ก็ใส่ไก่ลงไปตอนนี้

พอใส่ไก่ชิ้นสุดท้ายลงไป ต้องหรี่ไฟเหลืออ่อน ๆ ไม่ต้องให้เดือดก่อนนะ หรี่ไฟเลย ใช้ไฟอ่อน ๆ ต้มไปเรื่อย ๆ ก็อีกนานกว่าจะเดือด ไม่ต้องปิดฝา

สำคัญ ควรจับเวลาให้ดี ถ้าต้มนานไป ไก่สุกเกิน ก็ไม่อร่อย ถ้าดิบไปก็กินไม่ได้ (กระดูกมีเลือด เนื้อส่วนที่ติดกระดูกเหนียวเลาะไม่ออก) ปกติจะใช้เวลาในการต้มประมาณ 1 ชั่วโมงนับจากใส่ไก่ลงไป


ระหว่างต้มไก่ในเวลา 1 ชั่วโมง ก็ไม่ต้องไปสนใจมาก แรก ๆ ก็ตักฟองทิ้งไปบ้าง จากนั้นก็ปล่อยให้ไฟรุม ๆ ไปเรื่อย ๆ
ระหว่างนี้ก็มาทำน้ำจิ้มไก่กันก่อน

เครื่องปรุง
1. เต้าเจี้ยว
2. ขิงแก่ สับละเอียด 3 ส่วน ตำแหลก 1 ส่วน
3. พริกขี้หนูสดเขียว แดง
4. น้ำตาลทราย
5. ซี่อิ๊วหวาน
6. น้ำส้มพริกดองแบบปั่น
7. มะนาว


เริ่มด้วย เต้าเจี้ยว ควรชิมก่อนด้วยว่า เต้าเจี้ยวที่เราซื้อมา มีความเค็มมากน้อยแค่ไหน บางยี่ห้อก็เค็มจัด บางยี่ห้อก็มีติดหวานเล็ก ๆ
ปริมาณส่วนผสม มากน้อย ลดลงตามส่วนนะครับ
เต้าเจี้ยว 6 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

ขิงแก่ตำแหลก 1 ช้อนโต๊ะ ขิงแก่สับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
ขิงแก่ตำแหลกนี่สำคัญนะครับ ให้ตำให้แหลกเลย เอาน้ำขิงในครกใส่ไปด้วย เวลาผสมกันเป็นน้ำจิ้มแล้ว จะได้มีรสและกลิ่นขิงแทรกอยู่อย่างทั่วถึง

พริกขี้หนูเขียว แดง ซอยเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าชอบเผ็ดก็เอาส่วนหนึ่งไปปั่นหรือตำแหลกก่อนเลย แล้วค่อยเอามาใส่

น้ำส้มพริกดอง (พริกปั่น) 2 ช้อนโต๊ะ (ที่เหลือมาจากการกินขาหมู หรือเยนตาโฟ หรือก๋วยเตี๋ยวเรือก็ได้) มะนาวมีน้ำ ซีกเดียว (เอากลิ่น) บีบลงไป

ซี่อิ๊วหวาน 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่ต้องการให้สีเข้มมาก ก็ครึ่งช้อนโต๊ะ) แนะนำให้ใช้สูตร 1 นะครับ พวกง่วนเชียงฝาสีครีมก็ดี
ไม่ควรใช้น้ำตาลโมลาส (ซี่อิ๊วหวานสูตร 5) สีได้ก็จริง แต่เดี๋ยวจะทำให้เสียรส เสียกลิ่น

คน ๆ ทำละลายให้เข้ากัน แล้วชิมดู ทำทานเอง ไม่ต้องใส่น้ำซุปน้ำต้มสุกลงไปให้เจือจาง เว้นเสียแต่ถ้าเห็นว่าข้นมาก (เพราะใส่ขิงมากไป) ก็เติมน้ำซุป น้ำต้มสุกลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ
** แก้ไขตามที่สมาชิก login พรปัญญา แนะนำว่า ควรเติมน้ำต้มสุกแทนน้ำซุป เพราะถ้ากินน้ำจิ้มไม่หมด จะเก็บไว้ได้โดยไม่บูดหรือบูดช้ากว่าการเติมน้ำซุป

ชิมให้ถูกปาก ถ้าอ่อนเค็ม ให้เพิ่มเต้าเจี้ยว ถ้าอ่อนหวาน ให้เพิ่มน้ำตาลทราย (ระวังนะครับ ถ้าคน ๆ น้ำตาลยังไม่ละลายดี ชิมแล้วจะยังไม่ออกหวาน พอละลายแล้วเดี๋ยวหวานเกินไปนะ) ถ้าอ่อนเปรี้ยว ให้เพิ่มน้ำส้มพริกปั่นลงไป (ไม่เพิ่มมะนาวนะครับ) ส่วนชอบเผ็ดมากน้อย ก็ปรับสัดส่วนของพริกขี้หนูเสียแต่ทีแรกเลย


คราวนี้มาหุงข้าวมันกัน

ถ้าเป็นไปได้ ได้ข้าวหอมเก่าก็จะดี แบบว่าไม่ใช่ข้าวหอมใหม่ต้นฤดู หรือข้าวนาปีเสาไห้ อะไรประมาณนี้ เป็นข้าวหอมเก่านะ ซาวข้าวให้เรียบร้อย เทน้ำออกให้แห้ง ๆ หน่อย แล้วพักไว้ อย่าซาวทิ้งไว้ล่วงหน้านานนัก เอาแบบจะหุงแล้วค่อยซาว

ควรเตรียมการหุงเมื่อไก่ต้มสุกพอดี เพราะต้องใช้น้ำต้มไก่มาหุงข้าว

ตั้งกระทะ ถ้าให้เจียวน้ำมันจากหนังไก่ก็ดูจะยากเกินไป ก็ใส่น้ำมันพืชลงไปแทน เล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ใส่กระเทียมตำแหลกนิด ลงไปเจียว เอาขิงฝานแว่นไปตำอีกนิดแล้วเอาลงไปคั่วพร้อมกระเทียม

พอกระเทียมกะขิงเริ่มหอม ๆ ไม่ต้องให้ถึงกับไหม้เกรียม ก็ใส่ข้าวที่ซาวแล้วลงไปผัด

ช้อนน้ำมันไก่จากหม้อต้มไก่ลงไปเท่าที่จะช้อนออกมาได้ มีน้ำซุปติดมาด้วยก็ไม่เป็นไร
จขกท. ใช้ตะแกรงมุ้งสแตนเลสแบบนี้ ช้อนน้ำมันออกมา ดีทีเดียว

พอช้อนน้ำมันไก่ใส่ลงไปแล้ว ให้ใส่เกลือสมุทรลงไปเล็กน้อย แล้วแต่หุงข้าวมาก น้อย ก็ประมาณ ครึ่ง ถึง หนึ่งช้อนชา ใส่น้ำตาลกรวดลงไปสัก 1 ช้อนชา แล้วเติมน้ำซุปลงไปสัก 1 ทัพพี แล้วก็ผัด ๆ คลุก ๆ ใช้ไฟกลาง ครู่เดียว หรือดูว่าเมล็ดข้าวจากเดิมที่ใส ๆ เริ่มเป็นสีขุ่นเหมือนเมล็ดข้าวเหนียว และข้าวเริ่มแห้งติดกระทะ ก็ปิดเตา เอาใส่หม้อหุงข้าวได้

ตักน้ำต้มไก่ใส่ลงไปในหม้อหุงข้าว ปริมาณน้ำให้น้อยกว่าปกติที่เคยหุงเล็กน้อย กดปุ่มหุงได้ เมื่อสุกแล้วก็ให้อุ่นอยู่อย่างนั้นไม่น้อยกว่า 20 นาทีค่อยเปิดมาดู
ไวเหมือนโกหก อุ่นครบเวลาแล้ว ข้าวสุกแล้ว

คุ้ยเบา ๆ ให้น้ำมันที่ตกอยู่ก้นหม้อข้าว ขึ้นมาคลุก ๆ หน่อย
หุงครั้งแรก ถ้ามีเค็มไป จืดไป ครั้งต่อไปก็ปรับสัดส่วนเอานะครับ (เหตุเพราะรสชาติของน้ำต้มไก่ที่เราเอามาหุงข้าว รสจัดมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง)


ฉายภาพกลับมาที่หม้อต้มไก่ ครบเวลาแล้ว สุกพอดี

เตรียมช็อคไก่ด้วยน้ำเย็น หาภาชนะไว้ ใส่น้ำแข็งลงไปสัก 1 ถุง

เติมน้ำลงไป

เอาไก่ที่ต้มลงไปอาบน้ำเย็น วิธีคือต้มเสร็จ เอาขึ้นจากหม้อ ต้องเอามาอาบน้ำเย็นทันที แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที หรือกะประมาณว่าไก่ที่ร้อนจัดเมื่อครู่ ความเย็นแผ่ลงจนไปถึงกระดูกแล้ว ก็เอาขึ้นได้

แล้วเอาน้ำมันพืชมาทาหนังไก่ไว้ให้ทั่ว ๆ จะใช้แปรงก็ได้ มือก็ได้ แล้วแต่สะดวก

ทำแบบนี้แล้ว ต่อให้ปล่อยทิ้งไว้สัก 3 – 4 ชั่วโมง โดยยังไม่เอาไปกิน ผิวไก่ก็ยังคงมีสีขาวอมเหลืองสวย เต่งตึงอยู่ตลอดเวลา ไม่แดง ๆ ช้ำ กระดำกระด่าง หรือมีกลิ่นหืนแต่ประการใด

เสร็จแล้วครับ หั่น ๆ สับ ๆ


ถึงแม้เราจะไม่ได้ทานเนื้อไก่ร้อน ๆ ได้เพียงเนื้อไก่ความร้อนระดับอุณหภูมิห้อง แต่ได้ข้าวร้อน ๆ น้ำจิ้มรสเด็ด รับรอง ข้าวมันไก่นี้หมดหม้อแน่

จะบอกว่า น้ำซุปต้มไก่ จะมีรสจัดเกินไปกว่าที่จะเอามาเป็นน้ำซุปที่กินกับข้าวมันไก่ได้ทันที ต้องเติมน้ำลงไปให้รสอ่อนลงและนำไปต้มให้เดือดอีกครั้ง ถึงเอามาทานคู่กับข้าวมันไก่ได้ (ถ้าน้ำซุปต้มไก่ รสอ่อนพอดีกับนำมาทานเป็นน้ำซุปได้เลย ก็แปลว่า ไก่เรารสจะจืดไปนิดนะครับ)

หั่นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย เต็มคำดีครับ
เพราะการอาบน้ำเย็น ทำให้เนื้อไก่นุ่มหนึบ ไม่เละ หนังกรุบดึ๋ง รสสัมผัสเหมือนไก่บ้านเลย


เล็ก ๆ น้อย ๆ : เวลาทานไก่ไม่หมด ก็เก็บไว้ในตู้เย็นได้ พอจะเอามาทาน ก็ควรเอาออกมาไว้นอกตู้เย็นสักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ความเย็นคลายไปตามอุณหภูมิห้อง แล้วทานได้เลย ก็จะยังคงอร่อยเหมือนเพิ่งทำเสร็จ ไม่ต้องเอาไปอุ่นโดยวิธีใด ๆ ไม่ว่านึ่ง หรือไมโครเวฟ มิเช่นนั้นความอร่อยของเนื้อไก่จะหายไปทันที และกลิ่นหนังไก่ก็จะไม่หอมเหมือนเดิม

ไม่ยากเกินไป ลองทำดูนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามชม
สวัสดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิษฐาน ถวายน้ำหน้าหิ้งพระ เสริมสิริมงคล ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น

เมนู “น้ำพริกเห็ดกรอบสามรส” แบบง่ายๆ หอมกรอบอร่อย เก็บไว้ได้นาน

แจกสูตรน้ำพริกเผาสูตรโบราณ ใส่ต้มยำ ทาขนมปัง คลุกปลาเค็มผักต้ม ทำขายสร้างอาชีพได้เลย

ไก่น้ำแดงแบบง่ายๆ

2สูตรผัดไท ผัดให้อร่อย รสเข้มข้นแทบไม่ต้องปรุงเพิ่ม

น้ำยำเทวดาสูตรนี้อร่อยมาก วิธีการทำน้ำยำ กินกับยำอะไรก็อร่อย

ซองกันชื้นกับ 10 ประโยชน์ ที่ไม่น่าหยิบทิ้ง

พล่าหมูแตงกวา​ (ภาคเหนือ)

สูตร “กะหรี่ปั๊บไส้ไก่” แป้งกรอม อร่อย พร้อมวิธีพับขึ้นชั้นให้สวยงาม

ไข่เค็มมีรอยดำ เกิดจากอะไร ยังควรกินอยู่หรือไม่