ไม่อยากให้พังเร็ว อย่าทำ!! 10 ข้อห้ามทำถ้าไม่อยากให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียเร็ว!

 

ปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตของเราสะดวกสะบายมากขึ้น แถมยังประหยัดเวลามากๆอีกด้วย

แต่ก็ใช่ว่ามันจะอยู่ให้เราใช้งานได้ตลอดไป เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละอย่างต่างก็มีวันเสื่อมสภาพของมัน และตัวเร่งให้มันพังเร็วอย่างคุณๆด้วย วันนี้ GangBeauty เลยมี 10 พฤติกรรมเสี่ยงจากเราที่คอยทำลายเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ แต่เรากลับไม่รู้ตัวมาฝาก ซึ่งใครกำลังทำอยู่ ควรหยุด คงไม่มีใครอยากซื้อเครื่องใหม่บ่อยๆให้เปลื้องเงินหรอเนอะ ไปดูกันเลย

[ตู้เย็น]

เริ่มต้นกันด้วยปากท้องของเรา

1. การขนย้ายตู้เย็นแนวนอน

:อย่าขนย้ายตู้เย็นแบบแนวนอนเพราะจะทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์ตู้เย็นไหลออกมา ทำให้ระบบภายในเสียหาย แถมยังทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วย หากจะเคลื่อนย้ายตำแหน่งตู้เย็นควรขยับในแนวตั้งหรือเอียงได้ไม่เกิน 40 องศา

2 อย่าใช้งานตู้เย็นทันทีหลังขนย้ายเสร็จ

:เพราะจะทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์รั่วไหลออกจนทำระบบภายในเสียหายได้ครับ ควรรอประมาณ 4-5 ชั่วโมง หลังการขนย้ายเพื่อให้น้ำยาเข้าที่ค่อยใช้งาน

3. ไม่ทำความสะอาดตู้เย็น

:นอกจากทำความสะอาดภายในตู้เย็นแล้ว เราควรดูแลรักษาความสะอาดขดลวดคอนเดนเซอร์หรือแผงความร้อนที่อยู่ด้านนอกที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนบ่อยๆ เช่นกัน เพื่อช่วยลดกำลังการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าลงได้ ช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้น และยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น

[ไมโครเวฟ]

1. ห้ามวางของบนไมโครเวฟ

:เพราะจะทำให้ไมโครเวฟจะทำให้ไมโครเวฟรับน้ำหนักเกินจำเป็น และอาจไปบังช่องระบายอากาศทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้สะดวก

2. อบอาหารน้ำหนักเกิน

:  เพราะไมโครเวฟไม่สามารถรองรับน้ำหนักมากๆ ได้เหมือนเตาอบขนาดใหญ่ อาจทำให้ระบบหมุนถาดด้านล่างไม่ทำงาน ทั้งยังเสี่ยงต่อจานรองหมุนจะแตกอีกด้วย

3. อบอาหารด้วยภาชนะทั่วไป

:เพราะการอบอาหารด้วยภาชนะที่ไม่ได้ระบุว่าสามารถใช้กับไมโครเวฟได้ นอกจากจะทำให้ไมโครเวฟเสียหายแล้ว อาจทำให้เกิดระเบิดขณะใช้งานได้

[เครื่องซักผ้า]

1. วางของหนักบนเครื่องซักผ้า

:แม้ว่าเครื่องซักผ้าจะมีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ควรวางของที่หนักเกินไป รวมไปถึงไม่ควรท้าวแขน หรือเหยียบบนตัวเครื่องด้วยนะครับ เพราะอาจะจะทำให้เครื่องทรุด

2. ไม่ทำความสะอาดขอบยาง

:เพื่อขจัดเชื้อราที่ขอบยางบริเวณฝาเครื่องซักผ้า เราควรทำความสะอาดขอบยางให้สะอาดและแห้งสนิท ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเช็ดให้ทั่ว แล้วเช็ดออกด้วยผ้าแห้งซ้ำอีกครั้ง เปิดฝาทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเท และหากเครื่องซักผ้าไม่มีระบบทำความสะอาดถังซัก ให้เปิดเครื่องทำงานด้วยระบบน้ำร้อนและเทน้ำส้มสายชูลงไป ทำซ้ำเดือนละ 1 ครั้ง

3. อย่าลืมเช็คของในกระเป๋าก่อนซัก

:เพราะหากสิ่งของเหล่านั้นหลุดออกมาขัดกับกลไลระหว่างซักผ้าล่ะก็ อาจจะถึงคราวต้องยกเครื่องซ่อมกันยาวๆ เลยทีเดียว

4. ทิ้งผ้าค้างในเครื่องนานเกินไป

:หากไม่อยากให้ตัวถังและสายพานของเครื่องซักผ้าต้องรับน้ำหนักผ้าเปียกเอาไว้นานๆ จนพังเสียหาย ควรรีบนำผ้าออกจากเครื่องทันทีที่ซักเสร็จเรียบร้อย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิษฐาน ถวายน้ำหน้าหิ้งพระ เสริมสิริมงคล ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น

เมนู “น้ำพริกเห็ดกรอบสามรส” แบบง่ายๆ หอมกรอบอร่อย เก็บไว้ได้นาน

แจกสูตรน้ำพริกเผาสูตรโบราณ ใส่ต้มยำ ทาขนมปัง คลุกปลาเค็มผักต้ม ทำขายสร้างอาชีพได้เลย

ไก่น้ำแดงแบบง่ายๆ

2สูตรผัดไท ผัดให้อร่อย รสเข้มข้นแทบไม่ต้องปรุงเพิ่ม

น้ำยำเทวดาสูตรนี้อร่อยมาก วิธีการทำน้ำยำ กินกับยำอะไรก็อร่อย

ซองกันชื้นกับ 10 ประโยชน์ ที่ไม่น่าหยิบทิ้ง

พล่าหมูแตงกวา​ (ภาคเหนือ)

สูตร “กะหรี่ปั๊บไส้ไก่” แป้งกรอม อร่อย พร้อมวิธีพับขึ้นชั้นให้สวยงาม

ไข่เค็มมีรอยดำ เกิดจากอะไร ยังควรกินอยู่หรือไม่