ขนมกรวยมันม่วง แป้งนุ่ม หอมๆ รสชาติดีอร่อยด้วย
ขนมกรวยมันม่วง แป้งนุ่ม หอมๆ รสชาติดีอร่อยด้วย
สวัสดีค่ะ เราได้กลับมาพบกันเช่นเคย ในวันนี้เราจะพาทุกๆท่านมาเข้าครัวพร้อมกับการทำขนมของว่างทานเล่น เป็นขนมโบราณที่เรามักจะเคยได้เห็นและคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี กับเมนูขนมที่มีชื่อว่าขนมกรวยมันม่วงนั่นเอง
ความหวานมันของกะทิและใบเตย มีรสชาติของมันม่วงที่เรียกได้ว่านำมาทานคู่กันแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างดี และให้รสชาติที่อร่อยมากๆ ตัวแป้งนิ่มๆบวกกับสีสันที่น่ารับประทาน เราตามดูในส่วนผสมของตัวแป้งและส่วนผสมตัวหน้าขนมนี้กันเลย พร้อมทั้งขั้นตอนการทำขนมมันม่วง
ส่วนผสมตัวแป้ง
แป้งข้าวจ้าว 100 กรัม , แป้งท้าว 50 กรัม , หางกะทิ 400 กรัม , มันม่วงนึ่ งบด200 กรัม , น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม , เกลือ 1/2 ช้อนชา , น้ำเปล่า 1 แก้ว
ส่วนผสมตัวหน้าขนม
หัวกะทิ 400 กรัม , แป้งข้าวจ้าว 50 กรัม , เกลือ 1/4 ช้อนชา , น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำขนม
1 การทำตัวแป้งนำส่วนผสมของตัวแป้งที่ได้เตรียมไว้ก็จะมีแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าว หางกะทิ มันม่วงนึ่ งสุกแล้ว น้ำตาลปี๊บ เกลือและน้ำเปล่า นำส่วนผสมทั้งหมดนี้มาผสมรวมกัน คนให้ตัวแป้งมีความเนียนเข้ากันดี
2 มาทำในส่วนของตัวหน้าขนมกันต่อ ก็จะนำส่วนผสมของตัวหน้าขนม ก็จะมีหัวกระทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ น้ำตาลทราย นำมาผสมรวมกันคนให้เข้ากันให้ได้ลักษณะเนื้อที่เนียน
3 จากนั้นเมื่อได้ตัวแป้งและตัวหน้าขนมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็มาถึงขั้นตอนของการเริ่มเตรียมอุปกรณ์ โดยทำการเย็บใบตองเป็นกรวย ไม่ให้มีรูด้านล่าง แล้วนำกรวยใบตองนี้ไปเสียบเอาไว้ในลัง นึ่ งแบบรูเป็นรู
4 โดยทำการตั้งกรวยให้ตรงตั้งน้ำให้เดือด เมื่อน้ำเดือดดีแล้วให้ยกลัง นึ่ งไว้บนเตาไฟ หยอดตัวขนมใส่ลงไปสักประมาณ 3 ส่วน 4 ของกรวย ทำการนึ่ งใช้ไฟกลางๆเวลา 7 ถึง 10 นาที
5 ครบเวลาแล้วหยอดตัวหน้ากะทิตามลงไปด้านบน และให้นึ่ งประมาณ 5 นาทีหรือจนกว่าตัวแป้งจะสุกดี เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จค่ะ ให้เราปิดเตาและยกลงจากเตาได้เลย
ให้ใช้ไฟระดับปานกลางในการนึ่ ง จะไม่ใช้ไฟแรง เพราะเราใช้ไฟแรงจนเกินไปจะทำให้ได้กลิ่นความไหม้และทำให้เนื้อขนมแข็งได้ นำมาทานไม่อร่อย
ง่ายๆเท่านี้เราก็จะได้ขนมโบราณขนมกล้วยมันม่วงที่น่าทานมากๆ ตัวแป้งนุ่มๆและมีสีสันที่น่ารับประทาน มีกลิ่นความหอมและให้ รสชาติที่ดีมากๆ ใครที่ชื่นชอบลองได้นำไปทำตามกันดูได้เลยนะคะ ทำไม่ยากอย่างที่คิดเลยหวังว่าทุกๆท่านจะชื่นชอบกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Sasinipa Crochet
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น