แจก 3 สูตรเด็ดปลาร้าบอง แจ่วบอง ปลาร้าสับทรงเครื่อง ทำขายรวย

 

แจก 3 สูตรเด็ดปลาร้าบอง แจ่วบอง ปลาร้าสับทรงเครื่อง ทำขายรวย

ชนิดปลาร้าบอง/แจ่วบอง ตามลักษณะปลาร้าที่ใช้


1. ปลาร้าบองสับ เป็นปลาร้าบองที่นำตัวปลาร้ามาสับให้ละเอียด ก่อนนำคลุกหรือตำผสมกับเครื่องเทศ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปลาร้าที่มีขนาดใหญ่ และปลาร้าขนาดเล็ก แต่ส่วนมากมักเป็นปลาร้าที่เป็นตัวขนาดกลางถึงใหญ่

2. ปลาร้าบองตัว เป็นปลาร้าบองที่นำทั้งตัวปลาร้ามาคลุกผสมหรือตำกับเครื่องเทศ โดยไม่มีการสับตัวปลาร้าให้ละเอียด ทั้งนี้ ปลาร้าบองชนิดนี้ นิยมใช้ปลาร้าที่เป็นปลาขนาดเล็ก และชาวอีสานนิยมทำเฉพาะปลาร้าบองดิบ ไม่นิยมทำสุก


ชนิดปลาร้าบอง/แจ่วบอง ตามการปรุง


1. ปลาร้าบองดิบ เป็นปลาร้าที่อาจทำได้ทั้งจากชนิดปลาร้าสับ และปลาไม่สับที่นำมาคลุกผสมเครื่องเทศ ก่อนจะรับประทาน โดยไม่มีการผ่านความร้อนหรือทำให้สุกก่อน

2. ปลาร้าบองสุก เป็นปลาร้าที่อาจทำได้ทั้งจากชนิดปลาร้าสับ และปลาไม่สับที่อาจคลุกผสมเครื่องเทศแล้วจึงนำมาผ่านความร้อนจนสุกหรือทำปลาร้าให้สุกก่อนนำมาคลุกผสมเครื่องเทศ



ทั้งนี้ การคลุกผสมเครื่องเทศก่อนที่จะนำไปทำสุกจะทำให้ได้ปลาร้าบองสุกที่มีกลิ่นหอมมากกว่าปลาร้าบองสุกที่ผสมเครื่องเทศทีหลัง เพราะความร้อนจะช่วยให้กลิ่นหอมของเครื่องเทศออกมามากขึ้น

วิธีทำปลาร้าบอง/แจ่วบอง 3 สูตรเด็ด

สูตรที่ 1. ปลาร้าบองดิบประเภทสับ


ส่วนผสม

1.ปลาร้า 0.5 กิโลกรัม
2.ข่า 3 หัว
3.หัวตะไคร้ 5 หัว
4.กระเทียม 5 หัว
5.หอมแดง 10 หัว
6.พริกป่น 2 ทับพี
7.มะขามเปียก 2 ช้อน
8.ใบมะกรูด 15 ใบ
9.มะเขือเทศ 3 ลูก
10.ผงชูรส 2 ช้อน


วิธีการทำ

1. นำตัวปลาร้ามาสับให้ละเอียด ซึ่งอาจสับทั้งตัวโดยไม่นำก้างออก (อีสานนิยมทำ) หรือนำมาเลาะเอาก้าง และกระดูกออกก่อนแล้วค่อยสับ


2. เตรียมเครื่องเทศต่างๆ ได้แก่


– นำตะไคร้ กระเทียม หอมแดง และมะเขือเทศมาอิงไฟให้ร้อน ก่อนซอยให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วตำบดให้ละเอียด ส่วนมะเขือเทศยังไม่ต้องตำ ให้ฝานเป็นชิ้นเล็กๆหรืออาจตำผสมด้วย แต่ให้ตำทีหลังที่เครื่องเทศอื่นละเอียดแล้ว


– ใบมะกรูดซอยเป็นฝอยเล็กๆ


– มะขามเปียกนำมาแช่น้ำประมาณ 3 ช้อน


3. นำเครื่องเทศที่ซอยไว้คลุกผสม ร่วมกับพริกป่น ผงชูรส และมะเขือเทศ ส่วนใบมะกรูดอาจคลุกผสมพร้อมหรือใช้โรยหน้าก็ได้ ซึ่งจะได้ปลาร้าบองสับพร้อมรับประทาน

สูตรที่ 2. ปลาร้าบองดิบทั้งตัว


ส่วนผสม

1. ปลาร้า ขนาดเล็ก 5-10 ตัว แล้วแต่ขนาด
2. ข่า 1 หัว
3. หัวตะไคร้ 1 หัว
4. กระเทียม 2 หัว
5. หอมแดง 2 หัว
6. พริกป่น 2 ช้อน
7. มะขามเปียก 1 ช้อน
8. ใบมะกรูด 5 ใบ
9. มะเขือเทศ 1 ลูก
10. ผงชูรส 1 ช้อนเล็ก

วิธีการทำ

1. นำตัวปลาร้าวางใส่ถ้วย พร้อมกับน้ำปลาร้าประมาณ 2 ช้อน
2. เตรียมเครื่องเทศเหมือนข้อที่ 2 ของการทำปลาร้าบองดิบแบบสับ


3. เทเครื่องเทศลงผสม พร้อมกับปรุงรสด้วยชูรส ซึ่งจะได้ปลาบองดิบทั้งตัวที่พร้อมรับประทาน


ข้อแนะนำ

1. การใส่มะเขือเทศมักทำให้ปลาร้าบองเสียง่ายเมื่อเทียบกับไม่ใส่ ซึ่งหากใส่จะเก็บได้นานประมาณ 3-5 วัน ตามตู้กับข้าว แต่เก็บในตู้เย็นจะได้นานประมาณ ครึ่งเดือนถึง 1 เดือน
2. เครื่องเทศที่เก็บมาสดๆ ควรอิงไฟให้ร้อนเสียก่อน โดยเฉพาะตะไคร้ ข่า กระเทียม และหอมแดง ส่วนใบมะกรูดไม่ต้องอิงไฟก็ได้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุของปลาร้าบองที่สามารถเก็บรักษากินต่อได้นานขึ้น
3. สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสเปรี้ยว ก็ไม่ต้องใส่มะขามเปียก
4. สำหรับผู้ที่ชอบหวาน ให้เติมน้ำตาลเล็กน้อย

สูตรที่ 3. ปลาร้าบองสุกแบบสับ


ส่วนผสม

– ใช้ส่วนผสมเหมือนกับการทำปลาร้าบองดิบแบบสับ


วิธีการทำ

1. นำตัวปลาร้ามาสับให้ละเอียดตามข้อที่ 1 ของการทำปลาร้าบองดิบแบบสับ
2. เตรียมเครื่องเทศต่างๆ ตามที่กล่าวข้างต้น
3. นำปลาร้าที่สับแล้วมาคั่วให้สุก เมื่อสุกแล้วนำเครื่องเทศ และเครื่องปรุงลงผสม และคั่วต่ออีก 2-3 นาที ขณะคั่วให้ใช้ไฟอ่อน และหากไม่มีน้ำหรือแห้งมาก ให้เติมน้ำลงคั่วเป็นระยะ
4. นำลงตั้งไว้ให้เย็น ก็จะได้ปลาร้าบองสุกแบบสับพร้อมรับประทาน

ประโยชน์ของสมุนไพร ที่เป็นส่วนประกอบของแจ่วบอง



-ข่า เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้บิด ท้องอืด โรคหืด ขับเสมหะ และโรคหลอดลมอักเสบ ในข่าประกอบด้วย วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 แคลเซียม เส้นใยอาหาร และฟอสฟอรัส


-ตะไคร้ ใช้เป็นยาทาแก้ปวด เช่น โรครูมาติซัม อาการปวดตามบั้นเอว ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะอย่างอ่อน ขับเหงื่อ แก้ตกขาว อาเจียน ลดความดันโลหิต ขับลม แก้ไข้ ปวดท้อง โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว และอาการปวดเกร็งในตะไคร้ประกอบด้วย วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก เส้นใยอาหาร และฟอสฟอรัส




-ใบมะกรูด ผสมมะกรูดช่วยขับลม แก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน น้ำมะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟันในมะกรูดประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม และโปรตีน


-กระเทียม มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดในกระเทียมประกอบด้วย เซเลเนียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสานการทำงานของเอนไซม์ระหว่างวิตามินอี เอ และซี


-หัวหอม ขับลม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับประจำเดือน แก้ไข้ แก้หวัด ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหารในหอมแดงประกอบด้วย เซเลเนียมเป็นเกลือแร่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสานการทำงานของเอนไซม์ระหว่างวิตามินดี เอ และซี

-พริก ช่วยย่อย ทำให้เจริญอาหาร ขับลมขับเหงื่อได้ดี ทำให้รูขุมขนสะอาด ผิวพรรณสดใส และมีสารต้านมะเร็ง ในพริกขี้หนูประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และธาตุเหล็ก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีจุดธูปขอหวย จุดยังไงให้ดวงเฮง ช่วยเสริมดวงรับทรัพย์

แจก สูตรเมนูโยเกิร์ต แสนเริ่ด อร่อยฟิน เฮลท์ตี้!

ไม่อยากเจ็บป่วยบ่อยๆ หมอจีนแนะ 19 สิ่งควรทำ ห้ามทำ หากใครทำได้จะดีมาก

อาหารตอนเช้ากิน 6 อย่าง ความจำดี แถมหุ่นดีสวย

รู้ไว้นะ ใครที่ชอบกิน “ชะอม”บ่อยๆ มันส่งผลกับร่างกายเรามหาศาล

แจก สูตรน้ำชงโซดา ซาบซ่า เฟรชเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

แจกสูตร ซาลาเปาหวาน สูตรนี้นุ่มมาก เย็นแล้วก็ไม่เหนียว ทำขายกำไรดีมาก

ลักษณะของผู้หญิง ทั้ง 7 วัน เกิดวันไหนเจ้าชู้สุด

โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ คนเราพบกัน เพราะวาสนาจากกัน เพราะโชคชะตา

เก็บไว้ทำ 2 สูตร ทอดปาท่องโก๋ กรอบนาน ทำขายลูกค้าติดใจ