ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน

 

กว่าจะก้าวผ่านมาได้ในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับนักร้อง-นักแสดงหนุ่ม ฮั่น อิสริยะ หลังเจ้าตัวเผชิญกับโรคซึมเศร้าจนถึงขั้นจะจบชีวิตตัวเอง ล่าสุด ฮั่น & จียอน มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ Club Friday Show เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมและเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมของหัวใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต เปิดใจถึงสภาวะซึมเศร้าที่ต้องเจอ

ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของ ฮั่น เคยซึมเศร้าจนตัดสินใจจะจบชีวิตตัวเอง

ฮั่น : ก็คือกินนอน กินนอนอยู่อย่างนี้ระยะเวลาเป็นปีๆครับ แล้วก็ใครทำอะไรก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง จนคุยกับเขา แล้วมันร้องไห้บ่อยจนมันเริ่มหนักขึ้นตอนที่ ผมเริ่มรู้ตัวตอนที่ทะเลาะกับเขา แล้วผมเริ่มมีความคิดว่าผมทำร้ายตัวเองแล้ว ตอนแรกก็แค่นิดๆหน่อยๆแต่มันเริ่มถึงขั้นแบบทำจริง คืนวันนั้นเราทะเลาะกันแรงมาก แล้วผมก็เหมือนตัดสินใจว่า เราเดินออกจากจุดนี้ไปเลยระหว่างเดินไปรู้สึกว่าหลงทาง ชีวิตทำไมมันหลงทางมันเหมือนแบบ ถือโทรศัพท์นะครับแต่ไม่รู้จะโทรหาใคร ทำไมแค่จะโทรหาใครสักคน เรายังนึกไม่ออกเลยว่าเราจะโทรหาใคร ทั้งๆ ที่เราเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะนะ แต่เวลาที่เจอปัญหาแบบนี้ทำไมเราไม่กล้าคุยกับใคร อยู่ๆ อันนี้ความเป็นจริงนะครับ คือทุกอย่างมันมืดไปหมดเลยมันดูโดดเดี่ยวมากเหลือเกิน ผมก็เลยตัดสินใจว่าจบชีวิตตัวเองเลย

ตั้งใจจะทำอะไร ?

ฮั่น : ผมจะกระโดดสะพานคิดแค่นั้นเลย

จังหวะตรงนั้นเราไม่คิดถึงใครเลยเหรอ ? ว่าเขาจะเสียใจหรืออะไรอย่างนี้

ฮั่น : ทุกอย่างมันว่างเปล่ามากเลยครับ







ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน


แล้วอะไรที่มาหยุดเราเอาไว้ได้ ?

ฮั่น : แค่มีพี่คนหนึ่งครับ เขาขี่มอเตอร์ไซค์มาเขากำลังจะกลับรถ เขาเรียกชื่อผมเท่านั้นเองครับ อ้าว !! พี่ฮั่น ทำอะไร..แค่นี้เลยครับ ผมก็เลยแบบมีสติเลย เพราะว่าตอนนั้นมันเหมือนแบบ อะไรไม่รู้ดึงผมไปไหนตอนไหนไม่รู้ครับ เหมือนไม่เห็นอะไรเลยแล้ว อยู่ๆ เค้าเรียกชื่อเราผมก็เลยแบบเหมือนดึงกลับมาได้ว่ายังมีคนรู้จักเราอะไรอย่างนี้ ผมว่ามันเกิดจากความรู้สึกว่า เราไม่พร้อมเหมือนเดิมเราไม่สมบูรณ์แบบเหมือนเดิมอะไรอย่างนี้ มันก็เลยทำให้ทุกอย่างผมรู้สึกแย่ลงไปเรื่อยๆ

แล้วคนนั้นเขารู้มั้ยว่าเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตคน คนหนึ่งไว้ ?
ฮั่น : เพราะว่าตอนที่เขาเรียกเสร็จ ผมเดินไปแล้วผมก็เหมือนแบบกอดเขา แล้วเขาก็บอกผมว่าพี่ไม่ทำอย่างนี้นะอะไรอย่างนี้

เพราะว่าเขาเห็นเลยใช่ไหม ว่าเรากำลังจะตัดสินใจคิดสั้น

ฮั่น : คือผมไปยืนบนแท่นครับ ที่มันเป็นอุโมงค์เฉยๆ อะไรอย่างนี้ ก็ดูว่ารถวิ่งมา ยืนอยู่แล้วก็จังหวะแบบกะว่าถ้าลงวิ่งมาแล้วก็ลงไปเลย พอเขาเรียกปุ๊บ !! ผมก็.. เดินไปแล้วก็ไปกอดเขา แต่ผมไม่ได้พูดอะไรนะครับ เขาก็บอกว่าไม่ทำแบบนี้นะพี่ แล้วเขาก็ขับรถไปเลย แต่ถ้าวันนั้นผมไม่ได้พี่คนนั้น ผมว่าผมไม่ได้นั่งตรงนี้นะครับ


ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน


อันนี้เราต้องคุยกันก่อนนะ ว่าไงภาวะนั่นคือภาวะซึมเศร้า ไม่ได้แปลว่าอยู่ๆ ฮั่น เองจะสามารถที่จะแบบว่า ฉันไม่มีค่าอะไรเลยแต่ว่า ตอนนั้นอยู่ในภาวะซึมเศร้ามันเหมือนกับมองทุกอย่างเหมือนเป็นหลุมดำ เราเรียนรู้กัน ตอนนั้น จียอน รับรู้ถึงความถึงอารมณ์ของ ฮั่น ได้อย่างไรบ้าง

จียอน : มาเป็นอย่างนี้ก็คือแบบ สักพักใหญ่แล้วว่าแบบ อารมณ์ของเค้าจะขึ้นๆลงๆมากกว่าเราอยู่แล้ว แต่ว่าเหมือนมากขึ้น เหมือนบ่อยขึ้น พูดอะไรก็ไม่พอใจแล้วเขาก็พูดกับเราเสมอว่า เหมือนอยู่คนเดียวเลย ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ เราก็เลยบอกว่าอยู่ด้วยกันนี่ไงอยู่ด้วยกันเนี่ย เราเป็นผีเหรอเราก็เล่นกับเขาอย่างนี้ เหมือนเรื่องที่เขากำลังจะเจอ เขาก็ไม่ได้ปรึกษากับเรา อยู่ดีๆเขาเข้าห้องไปแล้วก็ตึงตังๆ เราก็แบบเกิดอะไรขึ้น เราก็เข้าไปดูเขาทำลายข้าวของ เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

ตอนนั้น จียอน เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปกติแล้ว ?

จียอน : ใช่ค่ะ จังหวะหนึ่งที่เขาจะแบบตีตัวเองกับไม้แบดอันนั้น เราก็ห้ามเขาแล้วแบบเป็นอะไรคุยกับจีหน่อย เป็นอะไรเราก็แบบร้องไห้ เพราะเราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร นี่คือ แบบอย่างไร สถานการณ์มันคืออย่างไรแต่เขาก็ไม่พูดแล้วเขาก็ร้องไห้แล้วเขาก็จะตีตัวเอง เราก็กลัวเราก็ทำได้แค่กอดเขาว่าแบบไม่เป็นอะไรนะ จี อยู่นะ จี อยู่ข้างๆนะไม่ต้องห่วงแต่วันนั้นที่เขาเดินออกไปจากบ้านหลังจากทะเลาะกัน เราไม่รู้เพราะว่าเขาหายแบบนี้บ่อยอยู่แล้ว (ยิ้ม) ซึ่งเรื่องนี้ก็คือ เขาก็เล่าให้เราฟังหลังจากเหตุการณ์มันเกิดขึ้นนานแล้วคะ จนเขาก็เหมือนไปศึกษาด้วยตัวเอง แล้วเขาก็พบเจอว่านี่คือภาวะซึมเศร้า เขาก็ขอโทษเราว่าที่ผ่านมาก็คือแบบ เป็นยังนี้ก็คือน่าจะเพราะโรคแบบนี้แหละ เราก็ถามเขาว่าสามารถช่วยแบบไหนได้บ้าง ไปหาหมอไหมแต่เขาก็ไม่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ยอมคุย ทุกอย่างที่เขารู้สึกอะไรอย่างนี้มากขึ้น เหมือนเขาก็ฮีลขึ้น


ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน



แล้วที่สุดแล้วทั้งสองคนได้ไปพบจิตแพทย์ไหม ??

ฮั่น : ไม่ได้ไปครับ

แล้ว จียอน เองก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันว่า หรือฉันก็มีภาวะนี้แล้วเหมือน

จียอน : เราไม่ได้ขนาดถึงของ พี่ฮั่น แต่ว่าเรารู้สึกว่าเบิร์นเอาต์ เหมือนไปทำงานแต่ก็ เหมือนแบบไม่ได้มีความตื่นเต้น แล้วนั่งถ่ายรายการอยู่ดีๆก็คือแบบ เหมือนไม่ได้อยู่กับรายการเลย คิดคนเดียวหรือแบบว่างเปล่ามาก ฉันทำอะไรอยู่ตรงนี้ไม่อยากทำอะไรเลย อันนี้คือเกิดขึ้นหลังจากพี่ฮั่น จนเขาก็ไปหามาในเว็บไซต์ แล้วเขาก็เริ่มถามเหมือนหมอว่าเป็นอย่างนี้ไหม เหมือนทำแบบสอบถาม แล้วเขาก็บอกว่าที่รักกำลังจะเจอสภาพเบิร์นเอาต์อะไรอย่างนี้ แบบเหมือนสิ่งที่เขาพูดๆก็คือ แทงใจเราเหลือเกินเราก็ร้องไห้กับเขาใช่เลยๆ

เราไม่ได้ไปหาจิตแพทย์เรารักษาวิธีไหน ??

ฮั่น : หลังจากวันนั้นคือผมเป็นคนชอบแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แล้วผมก็ไม่ค่อยคุยกับใคร ตัดสินใจว่าต้องแก้มันด้วยตัวเอง เพราะว่าเราสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับทุกคนนะครับ คือผมแค่อยากรู้ ผมก็เลยลงลึกไปกลับมัน ผมก็เข้าห้องทำงานของผมครับ แล้วก็ปิดห้องนั้นอยู่ในห้องนั้นประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไม่ได้อยู่กับผม แล้วผมเหมือนใช้เวลาอยู่กับเรื่องอย่างนี้ จนผมว่าเขาเริ่มรู้สึกอยู่คนเดียว แล้วเขาค่อยมามีภาวะเบิร์นเอาต์หลังจากผม แล้วก็เคลียร์ตัวเองได้ดีขึ้น ผมบอกเขาบอกว่าเราขอโทษนะอะไรอย่างนี้ ที่รักเขาขอโทษนะ

แล้วตอนนั้นคือสองคนจับมือกันแล้ว แก้ปัญหากันอย่างไร

ฮั่น : คุยกันครับผมไม่เคยเปิดมุมที่อ่อนแอให้ใครเห็น ผมก็คิดว่าสิ่งนี้กำลังท้าทายตัวเองอยู่ รวมถึงวันนี้ที่พูดเพราะว่าผมก็บอกเลยว่า เขายังถามผมอยู่เลยว่าโอเคใช่ไหมที่จะพูด ผมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะผมรู้สึกว่า ถ้ามันเป็นการแบ่งปันสิ่งนี้ออกไป แล้วมันเป็นเรื่องดีกับคนอื่นผมว่ามันก็ดี แล้วผมต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วก็เหมือนคุยกับเขาแล้วก็บอกเขาว่า เรามีปัญหาแบบนี้ด้านนี้เราไม่สมบูรณ์แบบ ด้านนี้เราอ่อนแอนะ แล้วเขาก็เหมือนรับฟังแล้วเขาก็ได้รู้ แล้วผมว่าการที่เขาไม่ได้พูดอะไร การกระทำเขา พี่จี เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดเวลาเราอยู่ด้วยกัน แต่ว่าเขาเป็นคนทำมันทำให้การกระทำของเขา มันสอนผมเองโดยอัตโนมัติจริงๆแล้วเราได้เกิดมา เราควรภูมิใจกับตัวเราเอง ถึงแม้ว่าคนเคยจดจำผมในวันที่แบบ ฮั่นที่แบบว่ามีซิกซ์แพ็ก เต้นนี่นั่นอะไรอย่างนี้ ผมไปติดอยู่กับอดีตเยอะ จนลืมมองว่าสิ่งที่มีคุณค่าในปัจจุบัน มันคือวันนี้ผมมีเขา วันนี้ผมยังได้มานั่งตรงนี้ได้ทำงานกับพี่ฉอดพี่อ้อยพี่อ๋อง กับพี่ๆทีมงานทุกคนผมว่าเรื่องพวกนี้คือ เราต้องเห็นคุณค่าของมันด้วยโลกที่มันหมุนเร็วมาก แล้วเราหมุนเร็วตามโลกเราจะเสียความเป็นตัวตนของเราไป



ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน




ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน




ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน




ดาราหนุ่มป่วยซึมเศร้าดิ่งหนัก เผยนาทีจะโดดสะพานโชคดีมีคนหยุดทัน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คำอธิษฐาน ถวายน้ำหน้าหิ้งพระ เสริมสิริมงคล ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น

เมนู “น้ำพริกเห็ดกรอบสามรส” แบบง่ายๆ หอมกรอบอร่อย เก็บไว้ได้นาน

แจกสูตรน้ำพริกเผาสูตรโบราณ ใส่ต้มยำ ทาขนมปัง คลุกปลาเค็มผักต้ม ทำขายสร้างอาชีพได้เลย

ไก่น้ำแดงแบบง่ายๆ

2สูตรผัดไท ผัดให้อร่อย รสเข้มข้นแทบไม่ต้องปรุงเพิ่ม

น้ำยำเทวดาสูตรนี้อร่อยมาก วิธีการทำน้ำยำ กินกับยำอะไรก็อร่อย

ซองกันชื้นกับ 10 ประโยชน์ ที่ไม่น่าหยิบทิ้ง

พล่าหมูแตงกวา​ (ภาคเหนือ)

สูตร “กะหรี่ปั๊บไส้ไก่” แป้งกรอม อร่อย พร้อมวิธีพับขึ้นชั้นให้สวยงาม

ไข่เค็มมีรอยดำ เกิดจากอะไร ยังควรกินอยู่หรือไม่