บิทคอยน์ร่วงกว่า 7% หลุด 30,000 ดอลล์ หลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด
สำนักข่าว CNBC รายงานเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ว่า บิทคอยน์ (Bitcoin) ร่วงต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ หลังจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อใหม่แสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
โดยราคาของ bitcoin ลดลง 7% ที่ 29,135.00 ดอลลาร์ ตาม Coin Metrics ก่อนหน้านี้ในวันที่ราคาร่วงลงต่ำสุดที่ 29,026.66 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ขณะที่ Ether ตกลง 10% มาที่ 2,104.15 ดอลลาร์
ทั้งนี้คริปโทเคอเรนซีร่วงลงพร้อมกับหุ้น หลังจากที่สำนักสถิติแรงงานสหรัฐรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนเมษายนพุ่งขึ้น 8.3% ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ Dow Jones คาดการณ์ไว้เล็กน้อย นั่นทำให้นักลงทุนกลัว ทำให้พวกเขาออกจากสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโทฯ สกุลเงินดิจิทัลยังคงมีความสัมพันธ์อย่างมากกับ S&P 500 และ Nasdaq Composite
“ตลาดคริปโทฯ อยู่ภายใต้แรงกดดันมาระยะหนึ่งแล้ว” Michael Rinko ผู้ร่วมทุนที่ AscendEx กล่าว และเสริมว่า “เฟดเดินขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหุ้นจึงตกต่ำและคริปโทฯ ก็ตกต่ำตามไปด้วย โดยทั่วไปนั่นทำให้เกิดความกลัวอย่างมากในตลาด”
นี่เป็นครั้งที่สองในสัปดาห์นี้ที่ bitcoin ตกลงสู่ช่วง 29,000 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์มองว่า 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าราคาตลาด และกล่าวว่าราคาอาจร่วงลงกว่านี้อีกหากไม่สามารถถือครองไว้ได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว bitcoin แตะระดับสูงสุดที่ 40,000 ดอลลาร์ แต่กลับตัวอย่างรวดเร็วในวันถัดไปและได้แตะระดับต่ำสุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักลงทุนยังทราบข่าวใหญ่จากโครงการ Terra ซึ่งจู่ๆ ก็มี Stablecoin ที่ได้รับความนิยมอย่าง TerraUSD ดิ่งลงเกือบ 100%ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น