สีกระเป๋าสตางค์เสริมดวง ทั้ง 12 ราศี ใช้แล้วจะมีเงิน ได้เป็นเศรษฐี!

รู้กันหรือเปล่า? ว่าสีกระเป๋าสตางค์ที่เราใช้อยู่นั้น สามารถเสริมดวง ช่วยให้เราเป็นเศรษฐีได้ด้วยนะ เพียงแค่เลือกสีที่ใช้ให้ถูกโฉลกกับราศีเรา ซึ่งวันนี้ GangBeauty จะพาทุกคนรวยไปด้วยกัน กระเป๋าสตางค์เสริมดวงปี2565 โดยการแนะเคล็ดลับการเลือกสีกระเป๋าสตางค์ให้ถูกโฉลกตาม 12 ราศี ให้ดาวรุ่ง พุ่งแรง ดวงดี มีเงินใช้เป็นกอบเป็นกำกันจ้า ราศีไหนเหมาะกับกระเป๋าตังค์สีอะไร มาเลือกสีกระเป๋าสตางค์ตามราศีกันดีกว่าค่ะ

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีมังกร (เกิดระหว่าง 16 มกราคม - 13 กุมภาพันธ์)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมดวงรับทรัพย์ของชาวราศีนี้ขอให้ท่องไว้เลยว่าจะถูกจะแพง ต้องขอ "สีแดง" ไว้ก่อนนะจ๊ะ

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีกุมภ์ (เกิดระหว่าง 14 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม)

ถ้าไม่อยากปวดหัวต้องมานั่งรัดเข็มขัด (ประหยัด) เงินในกระเป๋าลองหันมาใช้ "กระเป๋าสตางค์สีแดง" ดูกันสิรับรองว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ แน่นอน

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีมีน (เกิดระหว่าง 14 มีนาคม - 12 เมษายน)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมรับทรัพย์ชาวราศีมีนให้มีโชคมีลาภทางการเงินเข้ามาตลอด คือ สีขาว สีครีม สีเหลืองอ่อน

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีเมษ (เกิดระหว่าง 13 เมษายน - 14 พฤษภาคม)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมรับทรัพย์ชาวราศีเมษให้มีโชคมีลาภทางการเงินเข้ามาตลอด คือ สีเหลือบ สีเงิน

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีพฤษภ (เกิดระหว่าง 14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมดวงดึงดูดทรัพย์ของคนราศีนี้ คือ สีเขียว

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีเมถุน (เกิดระหว่าง 13 มิถุนายน - 14 กรกฎาคม)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมดวงให้เงินทองไหลมาเทมา คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน

สีกระเป๋าสตางค์ตามวราศีกรกฎ (เกิดระหว่าง 15 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมรับทรัพย์ของชาวราศีกรกฎให้มีโชคมีลาภ ทางการเงินเข้ามาตลอดๆ ไม่ขาดสาย คือ สีส้ม

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีสิงห์ (เกิดระหว่าง 17 สิงหาคม - 16 กันยายน)

สีกระเป๋าสตางค์ที่จะทำให้เงินเข้ามาตลอด คือ สีดำ สีน้ำตาล สีเทา

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีกันย์ (เกิดระหว่าง 17 กันยายน - 16 ตุลาคม)

สีกระเป๋าสตางค์ที่จะช่วยทำให้เก็บเงิน และเงินทองไม่รั่วไหลมากที่สุด คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีตุลย์ (เกิดระหว่าง 17 ตุลาคม - 16 พฤศจิกายน)

สีกระเป๋าสตางค์ที่จะช่วยให้มีเงินสะพัดและไม่ช็อตควรจะต้องใช้ "กระเป๋าสตางค์สีเขียว" เท่านั้นนะจ๊ะ

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีพิจิก (เกิดระหว่าง 17 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม)

สีกระเป๋าสตางค์เสริมรับทรัพย์ชาวราศีพิจิกให้มีโชคมีลาภทางการเงินเข้ามาตลอด และทุกคนต้องมี "กระเป๋าสตางค์สีเหลือง สีเงิน" โอเคป่ะ !!

สีกระเป๋าสตางค์ตามราศีธนู (เกิดระหว่าง 16 ธันวาคม - 15 มกราคม)

สีกระเป๋าสตางค์ที่ช่วยทำให้การเงินอุดมสมบูรณ์พูนสุขมาก คือ สีขาว สีครีม สีเหลืองอ่อน

*เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทั้งนี้ การกระทำของเราทุกๆอย่าง มักเป็นตัวกำหนดชีวิตของเรา ควรมีสติและดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท ขยันทำงานไม่เกียจคร้าน GangBeauty เชื่อว่า ทุกๆคนก็จะมีความสุขและร่ำรวยดั่งใจหวังจ้า!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สูตรเด็ดขนมจีบหมู จีบกุ้ง จีบปู เก็บไว้ทำขายหรือทำกินกับครอบครัว อร่อยสุดๆ

- ธันวาคม 04, 2564

สูตรเด็ดขนมจีบหมู จีบกุ้ง จีบปู แชร์เก็บไว้ทำช่วงวันหยุดยาว กินกับครอบครัว อร่อยสุดๆ พูดถึงขนมจีบ คงไม่มีใครไม่รู้จัก เนื่องจากขนมจีบถือเป็นอาหารว่างยอดนิยมที่ใครๆหลายคนชอบทาน ด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม หอมละมุน ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอวิธีการทำขนมจีบสูตรอร่อย สิ่งที่ต้องเตรียม หมูบดละเอียด 200 กรัม กุ้งสับ 100 กรัม มันหมูแข็งหั่นเต๋าเล็ก 50 กรัม เนื้อปู 50 กรัม น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยกับรากผักชีโขลกละเอียด 1 ช้อนชา กระเทียมเจียว แผ่นเกี๊ยวสำหรับห่อขนมจีบ วิธีการทำ ให้คุณเริ่มต้นด้วยการผสมหมูบด กุ้ง มันหมู เนื้อปู เห็ดหอม น้ำมันงา กระเทียมพริกไทยโขลก แป้งมันทำการผสมส่วนผสมทั้งหมดที่กล่าวไปในข้างต้นให้เข้ากัน ทำการนวดจนกระทั่งส่วนผสมเกิดความเหนียว ให้นำไปแช่ในตู้เย็นก่อนนำมาห่อ โดยใช้เวลาแช่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นให้นำหมูที่หมักไว้เรียบร้อยแล้ว มาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว และทำการตกแต่งด้วยเนื้อปูด้านบน หลังจากนั้นให้นำขนมจีบที่ห่อไว้เรียบร้อยแล้วไปทำการนึ่ง โดยเลือกใช้ไฟแรงในการนึ่งประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะสุก ให้คุณจัดเตรียมใส่จาน โรยกร...

ให้ไหว้ก่อนในช่วงสิ้นปีนี่ ทำแล้วจะเจริญกันทุกคน

- พฤศจิกายน 01, 2565

ให้ไหว้ก่อนในช่วงสิ้นปีนี่ ทำแล้วจะเจริญกันทุกคน แนะนำให้กับทุกๆท่าน โดยเฉพาะสำหรับท่านใด ที่กำลังมีปัญหาในด้านของชีวิตในด้านของการงาน การเงิน อยา กให้ลองทำกันดู และแนะนำให้ทำก่อนในช่วงสิ้นปีนี้ การไหว้พระ ภู มิ เจ้าที่ให้ถูกต้อง จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของเราไปได้มาก จะให้มีแต่เรื่องที่ดีเกิดขึ้นได้ในทุกวัน การกราบไหว้เป็นในเรื่องของความเชื่อที่ได้ มี กันมาเนิ่นนาน และหลายๆคนจำนวนมากก็ได้ปฏิบัติตามกันอยู่ การกราบไหว้ ศ า ลพระ ภู มิ อย่างถูกต้อง นำมาบอกให้กับทุกๆท่าน ได้นำไปกราบไหว้ เมื่อได้ทำแล้วชีวิตจะดีขึ้น ให้ท่านได้ปก ปัก รั ก ษ าและได้คุ้ม ครองช่วยเสริมโชคเสริมบ า ร มีให้กับตัวเรา เสริมความมั่งมีมั่งคั่งให้ในชีวิต สิ่งที่ต้องเตรียม 1 ข้าวปลาอาหาร ก็สามารถปรุงไปเลยตามความสะดวกของท่าน จะเลือกเป็นเมนูอะไรก็ได้ 2 เตรียมผลส้ม 4 ผลเป็นม ง ค ล เป็นส้มเขียวหวาน ไม่ใช่ส้มโอ หรือ ส้มมือ 3 พวงมาลัยสวย จะให้เน้นด อ กดาวเรือง หรือ เจ็ดสี เจ็ด ด อ ก ได้ตามฐานรูป 4 ขนมหวาน จะเป็นขนมหวานแบบไท ย หรือ แบบจี น ก็ได้หมด ตามที่เราหาได้สะดวก 5 ธูป พอได้จัดเตรียมสิ่งของต่างๆข้างต้นเสร็จเป็นที่เรียบร้อย...

ปลอดภัยชัวร์ "ลูกชิ้นหมูเด้ง" ปันสูตรทำเองไม่ต้องง้อร้าน

- มีนาคม 09, 2565

ลูกชิ้นหมูเด้ง ทำทานเอง อร่อย ปลอดภัยชัวร์ ส่วนผสม 1. หมูบด(แช่เย็นจัด) 1 กิโลกรัม 2. น้ำเย็นจัด 1 ถ้วย 3. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 5. เกลือป่น 2 ช้อนชา 6. แป้งข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ 7. พริกไทยขาวป่น 2 ช้อนโต๊ะ 8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ 9. ผงฟู 10 กรัม 10. ผงชูรส หรือ รสดี 2 ช้อนชา ‎วิธีทำ 1. ผสมน้ำเย็นจัดกับ น้ำปลา, น้ำตาลทราย, เกลือป่น, แป้งข้าวโพด, พริกไทย, น้ำมันพืช, ผงฟู คนให้เข้ากันเตรียมไว้ค่ะ 2. ใส่เนื้อหมูบดลงในเครื่องปั่นอาหาร แล้วค่อยๆเทส่วนผสมของเหลวเมื่อครู่ที่เตรียมไว้ลงไป ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ 3. ตักเนื้อหมูบดใส่ภาชนะปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำเข้าช่องฟิตตู้เย็น 20 นาที (การแช่เย็นก่อนนำไปต้มทำให้ลูกชิ้นเด้งดึ๋งค่ะ) 4. ต้มน้ำในหม้อจนร้อน แต่ไม่ให้เดือดนะคะ(ถ้าน้ำเดือดทำให้ผิวลูกชิ้นไม่เรียบ และมีฟองอากาศข้างในลูกชิ้นค่ะ) 5. บีบลูกชิ้นใส่หม้อ(บีบด้วยมือนะค่ะ) รอลูกชิ้นลอยขึ้นก็ทำการตักขึ้น เอามาลงน้ำเย็นจัดเลยค่ะ (ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆนะคะเพื่อให้ลูกชิ้นเด้งค่ะ) 6. แช่ในน้ำเย็น 4 - 5 นาที ก็นำกระชอนมาช้อนลูกชิ้นไปพักให้สะเด็ดน้ำค่ะ จาก...

17 ประโยชน์จาก "เบียร์" แม้แต่ฟองขาวๆ ก็มีดีกว่าที่คุณคิด!!

- มกราคม 17, 2565

เรียกได้ว่าถูกคอสาวกเบียร์ซะจริงๆ เพราะบทความนี้ได้รวบรวมประโยชน์มากมายของ "เบียร์" เครื่องดื่มที่ใครหลายคนหลงใหลในรสชาติและความซาบซ่าของมัน ซึ่งภายนอกบางคนอาจจะมองว่าเบียร์ก็เป็นเพียงแค่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่.. ความจริงยังมีอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่อีกเยอะ และวันนี้ GangBeauty จะพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ที่น่าทึ่งกัน ก็เพราะว่ามันไม่ได้เอาไว้ดื่มอย่างเดียวนะสิ!! 1. ป้องกันโรคหัวใจ จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ 40 ? 60% แต่ควรดื่มไม่เกินครึ่งลิตรต่อวัน 2. ช่วยลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต สารที่มีประโยชน์ในเบียร์สามารถช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน จึงช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต 3. ช่วยลดความดันโลหิต แพทย์ชาวฮอลแลนด์ และจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดค้นพบว่า การดื่มเบียร์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ 4. ป้องกันเบาหวาน ผู้ที่ดื่มเบียร์มีจำนวนน้อยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เหตุผลก็คือ เบียร์ทำให้ร่างกายสามารถปรับฮอร์โมนอินซูลิให้ความทรงจำดี นักดื่มเบียร์จึงไม่ค่อยเป็นโรคอัลไซเมอร์ 5. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง...

เก็บไว้ทำกิน 2สูตรทอดน้ำปลาแสนอร่อย หอมน้ำปลา แถมไม่มีน้ำมัน

- มีนาคม 30, 2565

เก็บไว้ทำกิน 2สูตรทอดน้ำปลาแสนอร่อย หอมน้ำปลา แถมไม่มีน้ำมัน เมนูทอดน้ำปลาหากแล้วพูดถึงเมนูนี้นั้นหลายคนก็คงจะนึกถึงร้านโปรด กันเลยใช่ไหมล่ะคะ เมนูทอดน้ำปลานั้นเป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ เพราะมีรสชาติของความอร่อย สามารถนำเนื้อห มู เนื้อไก่มาทำการหมักเข้ากับเครื่องปรุงให้รสชาติ มีกลิ่นหอมของน้ำปลา แล้วนำไปทอดบนน้ำมันร้อนๆ นำมาทานคู่กับข้าวสวย ได้เนื้อที่มีความนุ่มได้รสชาติที่มีความอร่อยเป็นใครจะไม่ชื่นชอบกัน สูตรที่เรานำมาฝากเพื่อนๆทุกท่านในวันนี้ เป็น 2 สูตรการทอดน้ำปลา การใช้เนื้อห มูและใช้ปีกไก่ เพื่อนๆชื่นชอบสูตรไหนก็สามารถนำไปทำได้ตามความชอบได้เลย อร่อยทั้ง 2 สูตรเลยล่ะ ห มูทอดน้ำปลา สิ่งที่ต้องเตรียม เนื้อห มู ตรงส่วนที่เขานำมาทำคอ ห มูย่าง 450 กรัม น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ วิธีการทำ 1 นำเนื้อห มูที่เตรียมเอาไว้มาตัดบริเวณส่วนหนังออก แล้วนำไปตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ทำการย่ า งให้สุกเป็นด้านๆไปก่อนค่อยกลับไปกลับมา 2 รีดน้ำมันออกให้หมด เมื่อน้ำมันออกเกือบหมดแล้วให้เราใช้กรรไกรมาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ เทน้ำมันออกเหลือเอาไว้เล็กน้อย แล้วตามด้วยการใส่น้ำปลาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ อย่าใส่มากจนเกินไป 3 คนให้...

แจกสูตรอาหาร “แกงไตปลาน้ำข้น” พร้อมวิธีทำแกงไตปลายังไง ให้หอมถึงเครื่องแกง

- ธันวาคม 24, 2564

สูตรอาหาร “แกงไตปลาน้ำข้น” พร้อมวิธีทำแกงไตปลายังไง ให้หอมถึงเครื่องแกง “แกงไตปลา” ไตปลาหรือเรียกอีกอย่างว่าพุงปลา พุงปลาที่ใช้ในการทำแกงไตปลาคือพุงปลาทูหรือแล้วแต่ว่าจะเอาปลาชนิดไหนมาทำ ปลาช่อนก็ได้คะ พุงที่เอามารีดไส้ในออกทำการล้างพุงปลาให้สะอาดแล้วใส่เกลือหมักไว้ประมาณหนึ่งเดือนขึ้นไป แต่เราไม่ต้องไปนั่งรีดเอาพุงปลาหรือไตปลาให้ลำบากนะค่ะเพราะเดียวนี้ตามร้านค้าต่างๆที่มีจำหน่ายให้เราเลือกได้ตามสะดวก ส่วนใหญ่จะมาจากทางใต้แท้ๆแล้วแต่เราจะมีเจ้าประจำหรือเปล่า มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยนะคะ ส่วนผสมนี้ผู้เขียนได้นำส่วนผสมของเครื่องแกงใต้ไว้ให้ด้วยนะคะ แต่ถ้าใครต้องการที่จะใช้พริกแกงใต้สำเร็จก็ได้เช่นกันคะ สะดวกดีแต่ต้องเลือกร้านที่เชื่อใจได้นะค่ะจะได้รสชาติที่แท้จริงและอร่อยเข้มข้นรสชาติแกงไตปลาแท้ๆคะ ส่วนผสม 1. ไตปลา ( ไตปลาสำเร็จมีขายทั่วไปตามร้านเครื่องแกงใต้) 2. มะเขือพวงหรือมะเขือเปราะ 3. ปลาย่าง ( ปลาดุกย่าง ปลทูน่า หรือปลากรอบแทนกันได้คะ ) 4. กุ้งลวกพอสุกแล้วสับพอหยาบๆ 5. น้ำมะขามเปียก 6. ขมิ้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 7. กระเทียมสับหยาบๆ 8. หอมแดง 9. หน่อไม้ต้มสุก 10. ถั่วฝักยาว 11....

แจกสูตร “ทอดไข่ดาว” ยังไงให้ให้สวยน่ากิน เสิร์ฟคู่พริกน้ำปลา

- กุมภาพันธ์ 02, 2565

แจกสูตร “ทอดไข่ดาว” ยังไงให้ให้สวยน่ากิน เสิร์ฟคู่พริกน้ำปลา เรื่องของการทำอาหาร หลายคนก็คงคิดเมนูไม่ออก สุดท้ายก็ทำเมนูง่ายๆอย่างเช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม และสิ่งที่ง่ายที่สุดนั่นก็คือไข่ดาวนี่เอง โดยไม่ต้องปรุงรสชาติใดๆ แต่ใช่ว่าทอดออกมาก็จะสวยน่ารับประทานทุกคน บางคนทอดก็สุกไป บางคนก็ดิบไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน ไข่ดาว..หวงสูตรมากกก อย่างผู้ใช้ทวิตเตอร์ Maekwansri ที่ออกมาแจกสูตรการทอดไข่ดาว ที่ตนเองนั้นบอกว่าหวงสูตรมากๆ แต่ก็ยินดีมาบอกเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ให้กับชาวเน็ต โดยระบุว่า “ไข่ดาว..หวงสูตรมากกก..ใส่น้ำมันให้พอท่วมไข่ไม่ต้องมากจนเกินไป รอจนน้ำมันร้อน ตอกไข่ใส่ถ้วย..เทไข่ลงไปค่อย ๆตักน้ำมันราดลงบนไข่แดงเพื่อให้ไข่ขาวเคลือบไข่แดงจนทั่ว แค่นี้ก็ได้ไข่ดาวสวยๆ แล้วจ้า” สูตรน้ำปลาพริกสามรส…ที่ถามถึง วิธีทำ น้ำปลาพริก 1. แช่พริกซอยในน้ำมะนาวประมาณ5นาที(พริกจะไม่ดำ) 2. ใส่น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย ละลายให้เข้ากัน 3. ใส่หอมแดง และน้ำปลา คนให้เข้ากัน ชิมให้ได้3รสตามชอบ แค่นี้ก็อร่อยได้แล้วจ้าาา รวมถึงเมื่อมีชาวเน็ตเข้ามาถามถึงการทำอาหารอื่นๆ ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ก็ยินดีให้คำแนะนำแบบไ...

แบ่งปันสูตร ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

- กุมภาพันธ์ 16, 2565

สูตรห่อหมกปลากราย อร่อยกว่าร้านดัง

- พฤศจิกายน 22, 2564

"ห่อหมกปลากราย" ส่วนผสมห่อหมกปลากราย 1.เนื้อปลากรายขูด 600กรัม 2.พริกแกงเผ็ด 3ชต. 3.กะทิ 2+1/2ถ้วย 4.ไข่เป็ด 3ฟอง 5.น้ำปลา 6.น้ำตาลปึก 7.แป้งข้าวจ้าว 1+1/2ชต. 8.พริกสดหั่นเป็นเส้นเล็ก 9.ใบมะกรูดหั่นฝอย 10.ใบยอ 11.กะหล่ำ 12.ใบโหระพา 13.เกลือป่น 14.ใบตอง วิธีทำห่อหมกปลากราย 1.เตรียมกระทง เช็ดใบตองให้สะอาด ตัดเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง5นิ้ว ใช้ 2แผ่นซ้อนกัน แล้วพับเป็นมุม ใช้ไม้กลัดๆไว้ ทำให้ครบ4มุม ก็จะได้กระทง ไว้ใส่ห่อหมก เตรียมไว้ 25ใบ 2.นวดเนื้อปลากรายให้เหนียวพักไว้ 3.นำกะทิ 2ถ้วย พริกแกง ไข่ น้ำปลา น้ำตาล ใส่ลงในชามผสมใบใหญ่ คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี นำเนื้อปลากราย ลงไปคนให้เข้ากัน(คนไปทางเดียวกัน) คนจนส่วนผสมเหนียวข้น พักไว้ 4.หั่นใบยอ และกะหล่ำปลี เป็นชิ้นเล็ก นำไปนึ่ง 3นาที แล้วใส่รองก้นกระทง 1/3ของกระทง ใส่ใบโหระพาลงไปด้วย 5.เตรียมกะทิราดหน้า โดยผสมหัวกะทิ 1/2ถ้วย แป้งข้าวจ้าว เกลือ คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟคนตลอดเวลลา พอเริ่มข้น ยกลงพักไว้ 6.นำใบมะกรูดหั่นฝอย ใส่ลงในเนื้อปลากรายที่พักไว้ คนให้เข้ากัน แล้วตักใส่กระทง นำขึ้นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 15นาที แล้วนำกะทิราดด้านบน...

แจกฟรี 5 สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด กินกับอะไรก็อร่อย ทำกินเองได้ง่ายๆ ทำขายรวย

- มีนาคม 15, 2565

5 สูตรน้ำจิ้มรสเด็ด ทำกินอร่อย ทำขายกำไรดี น้ำจิ้มรสเด็ด ที่ทานคู่กับเมนูอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นปิ้งย่าง ทอด หรือนึ่ง ส่วนประกอบที่สำคัญของาหารเหล่านี้นั้นก็คือ น้ำจิ้มนี่เอง และในวันนี้เราได้มีสูตรน้ำจิ้ม 5 สูตรเด็ดที่มาส่งต่อให้กับเพื่อนๆทุกคนได้ลองนำไปทำกัน รับรองว่าทุกสูตรนั้นอร่อยมากที่สำคัญใครทำตามนี้ก็อร่อย ว่าแต่จะมีสูตรอะไรบ้านนั้น มาติดตามกันได้เลยจ้า 1. สูตรน้ำจิ้มซีฟู้ด (สำหรับ 1 ถ้วย) ส่วนผสมที่ต้องเตรียม 1. พริกขี้หนูสวนสีเขียว / สีแดง ตามชอบ 2. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ 5. กระเทียม 4 กลีบ 6. ผักชีซอย 10 ใบ 7. รากผักชี 3 ราก 8. ถั่วตัด 15 กรัม วิธีทำ 1. โขลกกระเทียม รากผักชี พริกขี้หนูสวนสีเขียวและสีแดงให้ละเอียด 2. ใส่ผักชีซอย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว และคนให้น้ำตาลปี๊บละลายและเข้ากันดี 3. พร้อมเสิร์ฟ 2. สูตรน้ำจิ้มแจ่ว (สำหรับ 1 ถ้วย) ส่วนผสมที่ต้องเตรียม 1. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ 2. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ 5. พริกป่น 2 ช้อนชา 6. ข้าวคั่ว 1 ช้อนชา 7. ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง วิธี...

ค้นหาบล็อกนี้

สูตรอาหาร เมนูอาหาร